“ชูวิทย์”จ่อร้องป.ป.ช.13 มี.ค.ให้สอบ “ศักดิ์สยาม”ปมชุกหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ที่ชนะประมูลโครงการในกระทรวงคมนาคมหลายโครงการ และบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 5ล้าน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 มี.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวว่า โดยวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. เวลา 10.30น. ตนจะไปยื่นขอให้ป.ป.ช.ดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม ในกรณีซุกหุ้น เอาหุ้นที่ตัวเองแต่งตั้งนอมินีและเอาบริษัทนี้มารับงานที่ตัวเองเป็นเจ้ากระทรวงซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องชัดเจน และนายศักดิ์สยามก็ต้องโดนดำเนินคดีป.ป.ช.จากนั้นตนก็จะไปยื่น กกต.เพราะนายศักดิ์สยามและบริษัทที่ตัวเองตั้งนอมินีคือ หจก.บุรีเจริญ และเอาบริษัทนี้มารับงานที่ตัวเองเป็นเจ้ากระทรวง เห็นหลักฐานชัดๆว่าราคากลาง 50 ล้านบาท หจก.บุรีเจริญ ประมูลได้ในราคาตำกว่าราคากลางเล็กน้อย โดยมี40-50โครงการ หลังจากนั้นแล้วก็นำเงินที่ได้ไปบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทย
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า เพราะเป็นผู้รับเหมาเก่า ในหัวสมองจึงคิดแต่เรื่องกำไร ต้นทุน ขาดทุน นายอนุทินบอกผมไม่มีต้นทุน ตนก็ไม่เคยรู้ว่าการทำงานเมืองต้องคำนวณต้นทุน ดังนั้นถ้าคำนวณต้นทุนต้องแสดงว่าต้องคำนวณกำไรขาดทุน นี่คือวิสัยของผู้รับเหมา พรรคภูมิใจไทยถ้าเรียกใหม่ก็คือพรรคผู้รับเหมา
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการเลือกตั้งหาเสียงขณะนี้เป็นการหาเสียง ตนจะไปทำลายเสียง มันเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่คนไปหาเสียงแต่ชูวิทย์ไปทำลายเสียง “ผมจะไปภาคใต้ จะไปทำลายเสียงที่ 5 จังหวัด ผมจะไปลุยทางภาคใต้ และ3 จังหวัดชายแดนใต้ ภาคอีสานผมต้องแวะอำนาจเจริญ แน่นอน คิดถึงนางสุขสำรวย จะเอาน้ำยาบ้วนปากไปฝากอีก และอุบลราชธานี ขอนแก่น อุดรธานี ส่วนภาคเหนือผมจะต้องไปโดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อจัดการกับพรรคนี้”
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า พรรคนี้ต้องแนะนำว่าถ้ายังอยู่รอด ถ้าไม่โดนยุบ ตนมั่นใจโดยส่วนตัวเลยว่า กกต.ต้องยุบพรรคภูมิใจไทย เมื่อยุบพรรคภูมิใจไทยแล้วตัวนี้ก็จะเหมือนหนูแตกรัง ส่วนจะไปสังกัดรังไหนไม่รู้ แต่เปอร์เซ็นต์ที่โดนยุบมีกว่า 80% ยกเว้นแต่ว่า ป.ป.ช. และ กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่ ส่วนอีกเรื่องที่ตนต้องไปร้องคือร้องให้ป.ป.ช. สอบป.ป.ช.ด้วยกัน เพราะนักการเมืองไปวิ่งเต้นกับบุคคลคนๆหนึ่งที่เป็นกรรมการป.ป.ช. หลักฐานก็อยู่บนโต๊ะของประธานป.ป.ช. อยู่ที่จะดำเนินการส่งให้ สว.หรือไม่
“เรื่องการเมืองเป็นที่ประชาชนต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ทุกครั้งนักการเมืองที่หาเสียงก็จะมายกมือไหว้ มาบอกนโบายต่างๆ เสร็จแล้วก็ไปเอา สส.เข้ามา และก็เอาไปต่อรอง นี่คือธุรกิจการเมืองที่เราควรจะทำลายทิ้งถ้าเราไม่พูดตอนนี้จะไปพูดเวลาไหน”
นาบชูวิทย์ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งเรื่องที่เราควรปฏิรูปคือการปฏิรูปพรรคการเมือง ยกตัวอย่างถ้าเรามีนักการเมืองที่เป็นนิสัยผู้รับเหมามาบริหารประเทศ ก็คิดแต่ต้นทุน กำไร แต่ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ ดังนั้นคนที่คิดแต่เรื่องกำไรขาดทุน มีต้นทุนก็แย่
“วันนี้ผมในฐานะประชาชน ขอส่งสัญญาณให้พรรคการเมืองทั้งหลาย คุณจะหาเสียงแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว คุณจะสื่อสารทางเดียวไม่ได้แล้ว วันนี้ประชาชนอย่างผมอยากสื่อสารให้คุณรู้ได้ว่า ที่ผ่านมาคุณมีพฤติกรรม อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเรื่องกัญชา สุดท้ายไม่ผ่าน พ.ร.บ.กัญชงกัญชา ก็มาออกที่กฏกระทรวง จนทำให้เกิดความวุ่นวาย กฏหมายสีเทาๆทั้งบ้าน ฃทั้งเมือง ทั้งเยาวชน ทั้งชุมชน พี้กัญชาอย่างหนัก ไหนว่าเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์ ทำไมเป็นการพี้เพื่อสันทนาการ นี่คือสิ่งที่ต้องพูด ทั้งนี้หากสมัยหน้ารัฐมนตรีไม่ได้ชื่ออนุุทิน เป็นชื่ออื่น เราก็ต้องยกเลิกนโยบายกัญชานี้ทิ้งเสีย นี่คือสิ่งที่ผมนำเสนอง่ายๆเลยยกตัวอย่าง ยกเลิกกัญชาเสรีไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย “
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงหลักฐานที่สามารถเอาผิดกับบุคคลและพรรคนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า คุณรับเงินบริจาค การรับบริจาคนำเงินมาจากบริษัทที่ตัวเองซุกหุ้นและตัวเองเป็นเจ้ากระทรวง โดยบริษัทที่ซุกหุ้นก็ตั้งนอมินีมารับงานที่ตัวเองเป็นเจ้ากระทรวง เสร็จแล้วก็เอากำไรไปให้พรรคการเมือง นี่คือระบบการฟอก
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มว่า ซึ่งการที่ตนจะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.มีหลักฐานชัดเจน ในทุกโครงการ ทุกสัญญา มีชื่อชัดเจนรวมถึงชื่อคู่เทียบ ซึ่ง2 บริษัทนี้มีรายชื่อเป็นผู้บริจาคให้แก่พรรคภูมิใจไทยโดยมียอดบริจาค เป็นจำนวน5ล้านบาท วันจันทร์เจอกัน 10.30 น.
นายชูวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า บางคนถามตนว่าเพราะอะไรชูวิทย์ถึงมาช่วงนี้แต่ก่อนไม่พูด ตนบอกว่า ถ้าพูดก่อนหน้านี้มันจะมีผลอะไร การพูดก็ต้องมาพูดช่วงนี้ ช่วงใกล้เลือกตั้งลงคะแนน
“ก็ในเมื่อคุณหาเสียง ผมก็มาทำลายเสียง ผมไม่ไว้วางใจ ดังนั้นการหาเสียงครั้งนี้ผมยืนยันว่า ในนามประชาชนผมจะรณรงค์ทำลายเสียงด้วยวิธีการต่างๆตามความสามารถที่มีแล้วดูว่าประชาชนนั้นเชื่อใคร”