“มิ่งขวัญ” ชู “นโยบายแก๊สประชาชน” ลั่นปรับโครงสร้าง ดึงราคาเหลือ 250 บาทต่อถัง เป็นเวลา 1 ปี เ เชื่อ “บิ๊กป้อม” ไฟเขียว โยนเรื่องกระแสนิยม ให้ถามฝ่ายการเมือง
เมื่อเวลา 13.30 วันที่ 27 มี.ค.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว” นโยบายลดราคาแก๊สประชาชน” ว่า การแถลงเรื่องนี้เพราะเห็นว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน จากอัตราค่าเงินเฟ้อสูง โดยเฉพาะราคาแก๊สครัวเรือน นับจากวันที่ 15 ธ.ค.2557คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ได้ยกเลิกการคุมราคาแก๊ส ที่กำหนดไว้ 10 บาทต่อกิโลกรัม โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)กำหนดราคาใหม่ จึงเป็นปฐมเหตุของปัญหา เพราะเมื่อยกเลิกราคาแก๊ส ราคาต้องลอยตัวขึ้นมา ต่อมาวันที่7 ม.ค. กบง.ให้ปรับราคาจาก10 บาท เป็น 15 บาท เริ่มมีผลวันที่ 2ก.พ.2558 และใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุนคุมราคาปลายทาง จากนั้นวันที่ 31 ก.ค.60 กบง.เปิดเสรีธุรกิจแก๊ส แอลพีจีเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนส.ค.60 จึงทำให้ราคาต้นทางขึ้นไม่หยุด มาถึงเดือนเม.ย.-ก.ย.65 กองทุนน้ำมันติดลบ 124,602 ล้านบาท และรัฐบาลปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม 1 บาททุกเดือน หรือ 15 บาทต่อถัง ซึ่งการปล่อยอย่างนี้จะทำทุกอย่างเดือดร้อนหมด
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 16 ส.ค.2565 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กู้เงิน 150,000 ล้านบาท ไปโปะหนี้สาธารณะ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับ ต่อมาวันที่1 มี.ค.66 รัฐบาลปล่อยให้ราคาแก๊สขึ้นเป็น423 บาทต่อถัง แต่พอใกล้จะยุบสภาเลือกตั้งจึงคิดได้ว่าหากปล่อยขึ้น คะแนนหาย จึงประกาศตรึงราคาแก๊สที่ 423 บาท ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.66 เพราะเลือกตั้งจบแล้ว แต่ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ถูกเลือกเข้ามา หรือเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ภาระจะไปตกที่รัฐบาลใหม่ทันที
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ราคาขายปลีกแอลพีจีในเดือนเม.ย.65 ราคา 333 บาท มีการขึ้นมาต่อเนื่อง ตรึงราคาไว้จนถึง423 บาท และหลังเลือกตั้ง จะตรึงราคาอีกครั้ง ถ้าหลังจากนี้เหตุการณ์ทางการเมือง ไม่ทราบว่าเกิดอะไร และหากปล่อยให้ลอยตัวไปเช่นนี้ จนถึงสิ้นปีนี้ ราคาอาจไปถึง 513 บาทต่อถัง จะทำให้หลังเลือกตั้งคนจะเดือดร้อน รวมถึงคนค้าขาย อาหาร น้ำมัน ทุกอย่างเดือดร้อนหมด
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เราจะรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อให้ครัวเรือนพ้นบ่วงกรรม ให้คนไทยได้รับความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยใช้งบของรัฐให้ถูกทาง เพราะคนไทยเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน ดังนั้นควรตอบแทนให้คนไทยอยู่ดีกินดี ดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยเราจะลดราคา 173 บาท จาก 423 บาท เหลือ250 บาท โดยระยะเวลาอุดหนุน 1 ปี ที่11.53 บาทต่อแก๊ส 1 กก. ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมด 24,000 ล้านบาท โดยเงินอุดหนุนที่จะนำมาใช้ดำเนินการได้จากเงินที่เปลี่ยนระบบสัญญาสัมปทาน เป็นระบบสัญญาแบ่งปัน ผลผลิต ทำให้ราคาแก๊สธรรมชาติที่ได้ ปรับราคาลดลง จาก279 -324 ต่อล้านบีทียู เหลือ 172 บาท ต่อล้านบีทียู ทำให้รายส่วนนี้กลับสู่ภาครัฐ ทั้งนี้เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป เชื่อว่านโยบายนี้จะได้รับไฟเขียว เพราะพล.อ.ประวิตร ต้องการช่วยเหลือปากท้องของประชาชน และเชื่อว่าเรื่องราคาน้ำมันจะอยู่ในวาระต้นของการประชุมคณะรัฐมนตรี และเรื่องราคาแก๊สเป็นเรื่องเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายการถ้าปีต่อไปราคาแก๊สเป็นอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อ นางมิ่งขวัญ กล่าวว่า หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องก๊าซ แก๊ส พลังงาน น้ำมันและไฟฟ้า อย่าง ชัดเจน การที่รัฐบาลเก็บภาษีเพื่อทำงบประมาณแผ่นดิน งบ3.3 ล้านล้านที่กำลังทำตอนนี้เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อย่างไรก็ต้องดูแล เราเสียได้เพื่อความสุข
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแถลงนโยบายแก๊สประชาชนจะช่วยให้ความนิยมของพรรค พปชร.เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ต้องถามฝ่ายการเมือง ส่วนตนดูเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ตามนโยบายที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย ส่วนการเมืองต้องถามคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเมือง ทั้งนี้นโยบายเกี่ยวกับพลังงานขอให้ติดตามต่อไปว่าจะมีเรื่องใด และจะขอพูดเรื่องเศรษฐกิจจนกว่าประชาชนจะมีความสุข
เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ ที่มีชื่อของนายมิ่งขวัญ ปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 7 นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองทำ ยังไม่มีใครมาแจ้งอะไร จะอยู่ในลำดับใดอยู่ที่พรรคเห็นสมควร