วันพุธ, พฤศจิกายน 27, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightเริ่มแล้วศึกซักฟอก ฝ่ายค้านซัดรัฐบาลปรสิตใกล้ถึงจุดจบ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เริ่มแล้วศึกซักฟอก ฝ่ายค้านซัดรัฐบาลปรสิตใกล้ถึงจุดจบ

เริ่มแล้วศึกซักฟอกวุ่น ปมญัตติพาดพิงสถาบัน “ชวน” ให้แค่ “สมพงษ์” อ่านตามเท่านั้นผิดจากนี้ไม่ได้ ด้าน “ไพบูลย์” โวยถ้าทำแบบนี้ก็เหมือนรับรองตามกม. ด้าน”สิระ” ปูดกลางสภาใบสั่งคนแดนไกลจากดูไบแทรกแซงญัตติซักฟอก ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านซัดเดือดรัฐบาลปรสิต รัฐบาลกำลังจะถึงจุดจบ

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเข้าสู่วาระพิจารณาญัตติขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล จำนวน 10 ราย ที่ประชุมได้ถกเถียงถึงเนื้อหาของญัตติดังกล่าวที่มีเนื้อหากล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันต่อการทำหน้าที่ประท้วงฝ่ายค้านที่อภิปรายพาดพิงถึงเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ การหารือประเด็นดังกล่าวใช้เวลายืดเยื้อ เกือบ 1 ชั่วโมง

โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ขอให้ฝ่ายค้านอ่านข้ามข้อความในญัตติฯ เนื่องจากมีบางถ้อยคำเกี่ยวข้องพาดพิงสถาบัน ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาทำให้การอภิปรายฯไม่ราบรื่น 
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า  ในการที่ประชุมตรวจสอบญัตติร่วมกันนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับปากที่จะปรับแก้ไขถ้อยคำในญัตติ ตนก็ขอบคุณท่านไปแล้ว แต่พอออกจากห้องประชุมก็มีโทร.จากดูไบ คนแดนไกล ไม่มีการแก้ไข และให้บรรจุญัตตินี้ให้ได้ 

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงยืนยันว่า ญัตติของพรรคฝ่ายค้านนั้นสามารถบรรจุสู่ระเบียบวาระได้ แต่ในวันที่ตนหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตนได้พูดกับนายสมพงษ์ ว่า ข้อความในญัตติ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นข้อกล่าวหารัฐบาลที่รุนแรง อยากให้ปรับปรุง เพราะเชื่อว่าข้อความที่ปรากฎ รัฐบาลไม่อยู่เฉย ต้องอธิบายและชี้แจงทำให้คนชี้แจงอาจตกเป็นจำเลย และผู้กล่าวหาอาจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาได้ ดังนั้นตน ไม่อยากให้ฝ่ายใดตกเป็นจำเลยของสังคม ทำให้ ผู้นำฝ่ายค้านฯ รับไปปรับปรุง ทั้งนี้ตนระบุด้วยว่าแม้ไม่แก้ยังจะบรรจุให้ ทั้งนี้ใครจะประท้่วง

“เพื่อไม่ให้ประท้วงโดยไม่จำเป็น ฝ่ายค้านมีสิทธิอ่านญัตติ เพราะเสนอเป็นญัตติมาแล้ว และรัฐบาลมีสิทธิชี้แจงเพราะเป็นคำกล่าวหา ทั้งนี้ ในความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีโครงสร้างตรวจสอบซึ่งกันและกันสำหรับการประชุมนั้น ต้องเปิดให้อภิปรายและชี้แจง หากรัฐบาลจะตอบเกิน 42 ชั่วโมงต้องให้ เพราะรัฐบาลไม่ถูกจำกัดเวลา การประชุมนั้นไม่ใช่ว่าใครโกหกเก่ง คนนั้นจะชนะ ดังนั้นอย่าทักท้วงให้เสียเวลาเพื่อให้กระบวนการของรัฐสภาเดินไปไม่ได้ ทั้งนี้ การควบคุมเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ ที่จะวินิจฉัยและคำวินิจฉัยให้ถือเป็นที่สุด ดังนั้นขออย่าให้การทำงานมีปัญหา” นายชวน กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้เสนอญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเนื้อหาของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ชี้แจงยืนยันต่อการทำหน้าที่ประท้วงการอภิปรายที่อภิปรายถึงเนื้อหาที่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ กรณีส่งบัญชีรายชื่อที่สนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่และถือเป็นการเตือนด้วยความหวังดี ทั้งนี้หากตนถูกประธานห้ามประท้วง ตนจะประท้วงประธานถึงการทำหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน กล่าวสนับสนุนการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม ที่วินิจฉัยให้ยุติการอภิปรายในเนื้อหาที่วินิจฉัยแล้วว่าขัดข้อบังคับการประชุม

จากนั้น นายสมพงษ์ ได้อ่านญัตติ และมีการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ถูกนายไพบูลย์ประท้วงว่า นายสมพงษ์ได้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามนายชวน ชี้แจงว่า นายสมพงษ์สามารถพูดได้ เป็นเพียงการอ่านญัตติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ยังคงประท้วงต่อว่า หากให้นายสมพงษ์อ่านตามญัตติ จะเป็นการรับรองว่าถูกต้องโดยกฎหมาย แต่นายชวนยืนยันว่าฟังอยู่เหมือนกัน หากต่างจากญัตติจะไม่ให้พูดทันที จากนั้นการอภิปรายจึงดำเนินต่อไปเวลา 10.35 น.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร ได้ลุกขึ้นอ่านญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล 

นายสมพงษ์ อภิปรายเพิ่มเติมว่า ต่อไปนี้เราจะเปิดโปงความฉ้อฉลของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เปิดหน้ากากในการอำนาจบั่นทอนประชาธิปไตย คุกคามเสรีภาพของประชาชน ตลอดเวลาที่บริหารประเทศมา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ทำให้ประเทศเสียหายทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. และนายกฯ ตอนนี้ประเทศพังพินาศหมดแล้ว ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญ ประเทศมีหนี้สินสาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการทุจริตไปทั่วหัวระแหง มีคนคับแค้นฆ่าตัวตายไปจำนวนมาก

“พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่มีวิสัยทัศน์ คิดไปทำไป จนเศรษฐกิจพินาศหมดแล้ว  ท่านไม่มีภาวะผู้นำไม่มีความสามารถที่จะรวบรวมคนมีฝีมือมาช่วยงานได้ อวดอ้างแต่ตัวเองซื่อสัตย์ แต่กลับวางเฉยปล่อยให้ลูกน้อง คนใกล้ชิดทุจริตคอรัปชั่น บริหารกันแบบฉ้อฉล ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงเป็นได้แค่รัฐบาลปรสิตที่กัดกร่อนประเทศ กินความฝันของประชาชน ท่านจึงไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน การอภิปรายฯครั้งนี้ จึงเป็นแสงแห่งความหวัง ขับไล่ความมืดมิดที่ท่านทำเอาไว้ เพราะฉะนั้นจุดจบของรัฐบาลพล.ประยุทธ์กำลังจะมาถึงแล้ว”นายสมพงษ์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img