วันอาทิตย์, กันยายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘ทีมเศรษฐกิจปชป.’ยันกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงิน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ทีมเศรษฐกิจปชป.’ยันกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงิน

‘ทีมเศรษฐกิจปชป.’ยันการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงิน อัดพร้อมทำให้เศรษฐกิจโตอย่างน้อย5 เปอร์เซนต์ 

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เวลา 10.00 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลง “อัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ใครได้อะไร”

โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงินทั่วไปๆ ประชาธิปัตย์มองภาพรวมว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางและต้องเดินต่อไปอย่างไร  โดยการดูแลเศรษฐกิจมหาภาค ซึ่งสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอ ต้องการจะให้เศรษฐกิจโตถึง 5 เปอร์เซนต์ ให้ขยายตัวตามศักยภาพที่เรามีอยู่  ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจภาพรวมโตอย่างน้อย 5 เปอร์เซนต์ หากโตไม่ถึงก็จะไม่เป็นแรงจงใจนักลงทุน และไม่มีเงินมาดูแลคนในประเทศ ดังนั้นการให้เศรฐกิจโตอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาเรามาผิดทาง เพราะเราไปกระตุ้นให้คนใช้จ่ายโดยที่ใช้จ่ายหมดเปลือง ดังนั้นเราจึงต้องกระตุ้นโดยการนำเงินเก่าที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ให้ได้ถึง 1 ล้านล้านบาทเพื่อให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน ไม่ใช่ไปกู้หรือไปก่อหนี้ ดังนั้นสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอจะต่างจากสิ่งที่รัฐบาลทำมา 

นายพิสิฐ กล่าวต่อว่า หลายพรรคการเมืองมีการพูดเศรษฐกิจโต 5 เปอร์เซนต์  แต่ไม่บอกว่าโตอย่างไร ได้แต่บกว่าเอาเงินใส่เข้าไปเพื่อใช้จ่าย แต่บอกว่าว่าใช้จ่ายแล้วจะเกิดอย่างไร  แต่ประชาธิปัตย์ มีกลไกลที่ทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างปัญหาในอนาคต และพยายามให้หนี้อยู่ในกรอบ เพราะหลายพรรคเสนอวิธีการแก้ปัญหาหนี้โดยการการพักหนี้ บายพลาสระบบเครดิตบูโร ทั้งหมดทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง หากทำแบบนี้ใครจะกล้าเอาเงินใหม่เข้ามา ถ้าเราใส่ทุนเข้าไปเศรษฐกิจจะมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้วยเงิน 1 ล้านล้านบาท

“ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เราจะผลักดันให้ทุกหมู่บ้านมีระบบสถาบันการเงิน พื้นบ้านให้เกิดขึ้นตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ในส่วนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่ขณะนี้ขาดเงินหมุนเวียนและเดือดร้อนมาก 3ปีที่ผ่านมาเขาเผาหลอก เพราะเงินขาดมือ แต่ตอนนี้เริ่มเผาจริงแล้ว กิจการเริ่มโดนยึดหรือถูกขายทิ้ง ดังนั้นเราต้องรีบในการช่วยเหลือเอสเอ็มอี สิ่งที่ทำได้คือใส่ทุนลงไป โดยเราตั้งไว้ 3แสนล้านบาท ซึ่งที่มาของเงินมีอยู่และจะแจ้งคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ต่อไปเพราะพบว่ามีเงินอยู่ในระบบการคลังที่จะทำตรงนี้ได้ โดยเป็นเงินนอกงบประมาณ ยืนยันว่านโยบายของพรรคฯ ไม่ได้ก่อหนี้เพิ่ม แต่เป็นการลดหนี้ และทำได้จริง”นายพิสิฐ กล่าว.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img