“ประเสริฐ” จัดหนักแต่เช้า ซัด “รมว.พาณิชย์” ปล่อยคนใกล้ชิดทุจริตเงิน “อคส.” ปมถุงมือยาง จวกหน้าด้าน-ทุจริต-ปล้นชาติ “จุรินทร์” โต้กลับ ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยว ทั้งทางลับและทางแจ้ง ลั่นหากใครทำผิดกฎหมาย ต้องเข้าคุก ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด เผยผลสอบข้อเท็จจริงพบคนทุจริตเพิ่ม ส่งป.ป.ช.เอาผิดต่อแล้ว
เมื่อวันที่ 18 ก.พ.64 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่สาม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ด้วยข้อกล่าวหาทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งพบคนใกล้ชิด ได้แก่ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมทำให้อคส.เสียหาย เป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ในการจัดซื้อถุงมือยางของ อคส. นั้น พบว่าไม่ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย และขั้นตอนปฏิบัติปกติของราชการ และยังพบการทำสัญญาลวงกับ 7 บริษัทเอกชนที่ไม่เคยประกอบกิจการซื้อขายถุงมือยาง ทั้งนี้กระบวนการเริ่มต้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.63 เมื่อ นายเกียรติขจร แซ่ไต่ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย อคส. แจ้งกับที่ประชุม ซึ่งมี พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการ ผู้อำนวยการ อคส. ว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 บริษัท เครเน็กซ์ ลอว์ ออฟฟิส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีหนังสือแสดงเจตจำนงซื้อถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 230 บาท และ อคส. ได้เจรจาซื้อถุงมือยางจากบริษัท การ์เดียน โกลฟ์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.63 ทั้งที่บริษัทดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 22 มิ.ย.63 ก่อนได้ทำสัญญา 2 เดือน มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มี นายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกพิพากษาคดีฉ้อโกงและคดีอาญา และได้รับราคาเสนอขาย กล่องละ 225 บาท ทั้งนี้มีเงื่อนไขในสัญญา อคส.ต้องชำระเงินล่วงหน้า จำนวน 2,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทการ์เดียนฯต้องวางเงินประกัน 200 ล้านบาท ทำให้เรื่องดังกล่าวมีเงินทอน ถึง 1,800 ล้านบาท โดยตนมีข้อสังเกตว่า การเจรจาดังกล่าวไม่มีการสอบราคา ไม่ได้ตรวจสอบและผิดขั้นตอน นอกจากนั้น พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ยังมีหนังสือตอบให้เร่งดำเนินการโดยด่วน
นายประเสริฐ อภิปรายต่อว่า จากนั้นมีหนังสือเวียน แจ้งว่ามี 7 บริษัทเอกชนต้องการซื้อถุงมือยางจาก อคส. ได้แก่ 1.บริษัท ไทยสไมล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปผักและผลไม้ จำนวน 52 ล้านกล่อง ๆ ละ 225 บาท รวมเงิน 11,700 ล้านบาท, 2.บริษัท กาโลลี่ แมนเนจเม้นท์ จดทะเบียนที่รัฐฟอลิดา สหรัฐอเมริกา ซื้อ 100 ล้านกล่องๆ ละ 223 บาท รวมเป็นเงิน 22,300 ล้านบาท, 3.บริษัท เครเนค ลอว์ ออฟฟิส เป็นบริษัทจดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซื้อ 500 ล้านกล่องๆ ละ 230 บาท รวมเป็นเงิน 115,000 ล้านบาท
“ข้อสังเกตของ 3 บริษัทนี้ คือเป็นสัญญาลวง ไม่มีสัญญาจริงเพื่อสร้างข้อมูลเท็จว่ามีการสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ไม่พบการเรียกเงินมัดจำ หรือหลักประกันค้ำสัญญา ซึ่งปกติต้องมี ซึ่งสิ่งที่ผมมองว่าเป็นสัญญาลวง เพื่อต้องการอ้างเป็นเหตุว่า มีออเดอร์ และ อคส. จำเป็นเร่งด่วนการจัดหาถุงมือยาง จึงรีบเจรจากับบริษัทการ์เดียน” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ อภิปรายต่อว่า 4. บริษัทควีนพาวเวอร์ คอมปานี จำกัด ซึ่งตรวจสอบที่ตั้งแล้ว เป็นเพียสำนักงานกฎหมาย สั่งซื้อ 12 ล้านกล่องๆ ละ 210 ล้านบาท มูลค่า 2,520 ล้านบาท, 5.บริษัท ทเวนตี้โฟว์ คลีน เอ็นเนอร์จี้ สั่งซื้อ 12 ล้านกล่องๆ ละ 215 ล้านบาท รวมมูลค่า 2,580 ล้านบาท, 6.บริษัท เคเค ออยล์ จำกัด สั่งซื้อ 50 ล้านกล่อง ๆ ละ 220 ล้านบาท มูลค่า 11,000 ล้านบาท, และ 7.บริษัท เอ แอเมทิสต์ จำกัด สั่งซื้อ 100 ล้านกล่อง ๆ ละ 210 ล้านบาท มูลค่า 21,000 ล้านบาท ทั้งที่เป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อรวม 7 บริษัทจะมียอดสั่งซื้อ 826 ล้านกล่อง มูลค่า 186,100 ล้านบาท เฉลี่ยราคาต่อกล่อง 225 บาท ถือว่าขาดทุน ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จากสัญญาที่ อคส. ดำเนินการ และไม่ใช่การช่วยเกษตรกร
จากนั้นนายประเสริฐ ได้อภิปรายพร้อมนำคลิปเสียง ที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาระหว่าง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และนายสุชาติ ระหว่างการประชุม บอร์ดอคส. เมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 มาเปิด ซึ่งในบทสนทนา มีการถามถึงสัญญาที่ควรนำมาแสดง เพราะมีมูลค่าสูง แต่มีการทักท้วงว่าเป็นเรื่องลับ และนายสุชาติ ระบุว่าให้ รมว.พาณิชย์เป็นผู้กดเดิน แสดงว่านายจุรินทร์มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากประชุมพบว่าบันทึกรายงานการประชุมที่ตัดวาระดังกล่าวออกจากบันทึก ซึ่งตนแปลกใจ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น อาจเป็นประเด็น เพื่อไม่ให้มีผลต่อความรับผิดชอบ หรือถูกสอบว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
นายประเสริฐ อภิปรายอีกว่า ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฐานะผู้กำกับดูแล จะถูกแจ้งความดำเนินคดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะไม่ได้กำกับดูแล แม้ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไปประจำสำนักนายกฯ แต่ไม่พบการตรวจสอบหรือสั่งอายัดเงิน จำนวน 400 ล้านบาทจากบริษัทเอกชน
“เชื่อว่านายกรัฐมนตรี ไม่กล้าปรับหรือดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวอย่างการทุจริตในรัฐบาล และผมเชื่อว่ามีการทุจริตอีกหลายกระทรวง เพราะเป็นฐานเสียงให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นพบการวางแผนร่วมมือทุจริตอย่างเป็นระบบ เพื่อนำเงินหลวง เป็นประโยชน์ต่อตนและพวกพ้อง การทุจริตหน้าด้าน ไร้ยางอาย ปล้นชาติ ช่วยคิด แบ่งแยก และหาประโยชน์อย่างไร้ยางอาย” นายประเสริฐ กล่าว
จากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ประเด็นที่มีการอภิปรายไม่ใช่เรื่องใหม่ของสภาฯ เพราะเคยมีการพูดกันเมื่อมีการตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีและนายกฯได้มอบหมายให้ตนมาตอบกระทู้ เชื่อว่าตนตอบชัดเจนตามสมควร แม้จะมีเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น สิ่งที่ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจอดีตรักษาการ ผอ.อคส. กับพวก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ และอีก 7 บริษัท ประธานบอร์ดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตนเห็นด้วยเกือบจะเรียกว่าทุกประการ ไม่มีอะไรไปโต้แย้ง แต่ขอปฏิเสธว่า ตนไม่เข้าไปเคยเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ไม่มีการแอบสั่งการในที่ลับหรือแจ้งก็ตาม
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขออภัยที่ต้องใช้คำว่าผู้อภิปราย “โกหกหลายประการ” ต่อที่ประชุม โดยเรื่องกมธ.พาณิชย์ ที่หยิบยกขึ้นมาเอ่ยอ้าง ว่ามีการกล่าวพาดพิงถึงรัฐมนตรี มีจริงแต่อ้างไม่หมด ที่บอกว่าตนไม่เคยตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงินหรือหน่วยงานมีอำนาจไม่อายัดเงิน หรือไม่ดำเนินคดี หรือไม่เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อหรือแถลงข่าว ก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีการตั้งกรรมการสอบโดย อคส. และตนก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องนี้ตลอด เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โต พาดหัวเท่านั้นเอง กรณีที่บอกว่าหลังย้ายอดีตรักษาการ ผอ.อคส. นายกฯไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งเฉย ขอชี้แจงเพื่อความเป็นธรรมว่า ทันทีที่ตนทราบเรื่อง ก็ดำเนินการจนย้าย อดีตรักษาการ ผอ.อคส.ไปประจำสำนักนายกฯโดยคำสั่งของนายกฯ และเมื่อมีการตั้งกระทู้ก็ได้มอบหมายให้ตนตอบกระทู้และติดตามความคืบหน้ามาโดยลำดับ
“การที่เอ่ยอ้างถึงประธานบอร์ด บอกว่าใกล้ชิดเป็นคนสนิทนายบัญญัติ (บรรทัดฐาน) สิ่งหนึ่งที่อยากบอกว่า ไม่ว่าคุณจะรู้จักใคร รู้จักผู้ใหญ่ขนาดไหน รู้จักนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า หรือทำอะไรก็ได้ เมื่อทำผิดกฎหมายต้องเข้าคุก เรื่องนี้ผมไม่ยอม ไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม ผมจะจัดการทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่ผมอยู่ในอำนาจหน้าที่และกฎหมายให้อำนาจผม ขอพูดไว้ต่อสภาฯไม่ใช่ไปพูดที่ใด การเอาเทปมาเปิดและตีความผิดเพื่อจงใจใส่ความ ทำให้คนเข้าใจผิดว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง”รมว.พาณิชย์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่บอกว่าตนมอบนโยบายเตรียมการทุจริตให้ประธานบอร์ดไปดำเนินการซื้อขายถุงมือยาง และสอดคล้องนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภาฯ ว่ากระทรวงพาณิชย์จะจัดการให้ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ค้าขายยางออนไลน์ รวมทั้งตลาดถุงมือยางนั้น เป็นงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไม่ใช่ถุงมือยางเทียม เป็นถุงมือยางธรรมชาติ ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง ส่วนที่ผู้อภิปรายถามว่า ตอนทำสัญญาแสนล้าน ตนไปอยู่ที่ใด ตนตอบไม่ถูก เพราะไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้ไปร่วมกระบวนการสมคบกับใครทำสัญญาแสนกว่าล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอชี้แจงว่า อคส. เป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวงฯ ไม่ใช่ส่วนราชการที่รัฐมนตรีมีอำนาจไปสั่งปฏิบัติราชการ หรือสั่งการทางนโยบายได้ และคนที่มีอำนาจวางนโยบายคือบอร์ดเท่านั้น และมีอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการในการแต่งตั้งถอนถอดโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่รัฐมนตรีมีอำนาจจำกัดตามพระราชกฤษฎีกา อคส. ฉบับใหม่ 2535 เนื่องจากนำรัฐมนตรีออกจากการเป็นประธานบอร์ด แต่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่แทน เหมือนรัฐมนตรีกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ ระหว่าง ครม. บอร์ด ผู้อำนวยการ และพนักงาน ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ต่างจากกรมที่รัฐมนตรีดูแล เพราะต้องการให้ อคส. เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ทันทีที่ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่รับทราบความไม่ชอบมาพากล และรายงานให้ตนทราบ ไม่ได้แปลว่าตนไม่ได้ทำอะไร เพราะใช้อำนาจที่มีอยู่จำกัด ดำเนินการร่วมกับผู้อำนวยการ อคส.หลายอย่าง ดังนั้น การบอกว่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เป็นการใส่ความ เพราะหลังจากที่ได้รายงานนายกฯแล้วนายกฯก็ลงนามคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกฯ มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้นก็มีมติระงับโครงการทันที และผู้อำนวยการ อคส.ก็ไปร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินคดีกับอดีตรักษาการ ผอ.อคส. กับพวก และบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ รวมทั้งแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีของอดีตรักษาการ ผอ.อคส.กับพวก หลังจากนั้นได้ยื่นป.ป.ช.เอาผิดกรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เป็นต้น โดยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก็มีการรายงานให้ตนทราบเป็นระยะๆ ซึ่งตนก็รับทราบและสั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ทางผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 กับตนว่า ขณะนี้สอบเสร็จแล้ว มีเอกสาร 2,268 แผ่น พบผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม จากอดีตรักษาการ ผอ.อคส. 1 คน แต่มีเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน และได้รายงานข้อเท็จจริงต่อบอร์ด แล้วมีมติรับทราบ ขณะเดียวกันผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ส่งสำเนารายรายงานการตรวจสอบไปยังป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนดำเนินคดี และนำผลที่พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมไปดำเนินการตั้งกรรมการสอบ ตามขั้นตอนทางวินัยของระเบียบ อคส. ต่อไป ซึ่งตนได้รับทราบ และสั่งเร่งดำเนินการทางวินัย แพ่ง อาญา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ
“ผมได้ทำทุกอย่างเรียกได้ว่าครบถ้วน ด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริง ที่ตั้งใจจะนำคนผิดมาลงโทษและเอาเงิน 2 พันล้านบาทของ อคส. พร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็ว ภายใต้อำนาจที่มีอยู่ ส่วนที่ห่วงว่ามีการอายัดบัญชีหรือไม่ ขณะนี้ ปปง. ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่ผมพูดได้เพราะไม่ได้แทรกแซงหรือล้วงความลับ แต่ทางประธานป.ป.ช.แถลงตั้งอนุกรรมการไต่สวนและลงมติอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนเงินได้ และการที่ท่านหยิบยกการให้การของอดีตรักษาการ ผอ.อคส. ขึ้นมาพูด และบอกว่าอดีตรักษาการ ผอ.อคส. พูดพาดพิงว่าผมรับทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางนั้น ท่านฟังความข้างเดียว เสียยี่ห้ออดีตรัฐมนตรีหมดเลย เพราะรายงานนี้ ผมไม่เคยมีโอกาสไปชี้แจงเลย มีแต่อดีตรักษาการ ผอ.อคส.เท่านั้น ทำไมท่านหัวอ่อนเช่นนี้ ผมให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่า ดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะคนอย่างผม ใครมากล่าวหาว่าโกง ไม่มีวันยอม ทนายความคนหนึ่งหาว่าผมโกงหน้ากาก ผมฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นการกล้าวอ้างอะไรอย่าฟังความข้างเดียว” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า ส่วนเทปที่เปิดนั้น ตนจับความได้ว่า “จะเก็บไว้ให้รัฐมนตรีเป็นผลงาน เดี๋ยวจะให้รัฐมนตรีมากด” เป็นอะไร ผมก็ไม่ทราบ หรือทำอะไรก็ไม่ทราบ แต่ท่านไปพูดว่ามากดเงิน มันเจตนาอะไร มันมีตรงไหนที่บอกว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องทางมิชอบกับการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง งานนี้จะให้เป็นผลงานรัฐมนตรี ตนไม่รับ เพราะงานนี้มันคือผลงานอัปยศ บอกเลยจะนิมนต์ตนไปเป็นประธานกดปุ่มอะไร ตนไม่รับนิมนต์
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการตั้งประธานบอร์ดมีขั้นตอนตามกฎหมายที่กำหนดไว้ การบอกว่าได้ประธานบอร์ดที่ไม่มีคุณสมบัติ ตนไม่มีหน้าที่ปกป้อง เพราะสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เขาเลือกท่านนี้มาทำหน้าที่ตามขั้นตอน ท่านถามว่าเหตุใดไม่ต้องกรรมการสอบประธานบอร์ด ปล่อยปละ ละเลย ขอชี้แจงว่า ตนไม่ตั้งกรรมการสอบ เพราะมีอำนาจหรือไม่ และเรื่องนี้ส่งไปยังป.ป.ป.ช.แล้ว เนื่องจากมีอำนาจในการตรวจสอบ สิ่งที่เขียนในญัตติว่าพฤติกรรมของตนไม่มีธรรมาภิบาล แต่ท่านกำลังเรียกร้องอะไร ท่านเรียกร้องให้ตนใช้ธรรมาภิบาล หรือลุแก่อำนาจ อยากปลดใครก็ปลด อยากสอบใครก็สอบ ท่านทราบหรือไม่ว่า คนที่ลุแก่อำนาจ เคยมีตัวอย่างปรากฎให้เห็นมาแล้ว อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านคงรู้จักดี จำได้ ไปย้ายอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สุดท้ายไปศาลปกครองสูดสุดและตัดสินว่าใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ไปศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผมกำลังอธิบายว่าเหตุใดไม่ตั้งกรรมการสอบ ไม่ปลดประธานบอร์ด ไม่ต้องการใช้อำนาจที่ลุแก่อำนาจโดยไม่ชอบ
นายจุรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากป.ป.ช.ชี้มูลว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำความผิด ตนจะดำเนินการทุกวิถีทาง ภายใต้อำนาจและไปสู้คดีเองในชั้นศาลและอัยการ และสิ่งที่ตนจะทำต่อไปคือ หากกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบ อคส. ชี้ว่าใครผิด จะตั้งกรรมการสอบวินัยต้องรับโทษอย่างไร รวมทั้งตั้งกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดโดยส่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลส่งอัยการ ฟ้องศาล อคส.โดยผู้อำนวยการฯจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาด้วย และทันทีที่ป.ป.ช.ชี้มูลกำหนดโทษส่งให้อคส.จะเร่งให้ผู้อำนวยการ อคส.ลงโทษโดยเร็วที่สุด