“อนุทิน”ไม่ให้ราคา “เศรษฐา” วิจารณ์ภท. โยนเป็นเรื่องผู้สมัครส.ส.ฟ้อง ถ้าเห็นเสียหาย ชี้หลังเลือกตั้งรู้ชัดใครคือ ‘ตัวจริง’
เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 2 พ.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัย จ.นครพนม ว่าถ้าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบใบหนึ่งเลือกพรรคภูมิใจไทย อีกใบเลือกพรรคเพื่อไทย “นายกฯตู่” จะกลับมาแน่ จึงต้องมาขอให้กาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะเป็นการพูดเท็จ ว่า พรรคภูมิใจไทย มีฝ่ายกฎหมายที่คอยดูอยู่ ตรงไหนที่ทำความเสียหายให้กับพรรค และผิดกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายคงต้องดำเนินการ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ได้ดำเนินคดีกับนายเศรษฐา แล้วหรือยัง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้นำพาเรื่องนี้ แต่พรรคมีเจ้าหน้าที่ มีฝ่ายกฎหมายคงดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่ต้องถามหัวหน้าพรรค เพราะใครที่ทำผิดกฎหมาย ใครๆ ก็ร้องเรียนได้ สามารถฟ้องร้องได้ คนที่ได้รับความเสียหายที่อยู่ในพรรคภูมิใจไทย ก็สามารถฟ้องได้ ถ้าไปพูดในเรื่องเท็จ หรือไปด้อยค่านโยบายหรือเบี่ยงเบน วิพากษ์วิจารณ์ จนเกิดผลเสียในเชิงลบ ผู้สมัครทุกคนของพรรค คือผู้เสียหาย ซึ่งคนเหล่านี้มีสิทธิที่จะดำเนินการ เพื่อปกป้องความชอบธรรมของตัวเอง
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า นายเศรษฐา ทำการเมืองให้พรรคเพื่อไทยเหลือทางเดินทางการเมืองแคบลง เมื่อถึงเวลาจริงจะออกมาอย่างไร ถ้าไม่เป็นอย่างที่นายเศรษฐาระบุ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคงรู้ว่า เมื่อถึงเวลาใครเคาะได้ ใครได้แต่พูด คนในการเมืองรู้ดี และไม่กังวลเรื่องพวกนี้
“ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนมาจำนวนมากเพียงพอและจำเป็นต้องรับตำแหน่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอะไร พรรคภูมิใจไทยก็ต้องเอาคนของพรรคไปอยุ่ในตำแหน่งนั้น ที่จริงตนไม่อยากพูดเรื่องนี้ ไม่อยากลดตัวเอง ถ้ามีคนมาว่ากล่าวให้ร้ายแบบนี้ก็ต้องพูดให้ชัด ถ้าพรรคภูมิใจไทยมา นายอนุทินต้องเป็นนายกรัฐมนตรี” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะยังสนับสนุนพรรคที่ได้ลำดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเคยแถลงไปแล้ว ว่าเราสนับสนุนพรรคที่ได้รับเลือก ส.ส. มาเป็น ลำดับ 1 ให้ได้จัดตั้งรัฐบาลและไม่เห็นด้วยให้คนนอกบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งเราไม่เห็นด้วยและจะไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องเคลียร์ใจกับนายเศรษฐา หรือพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่มี เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว และพี่เขามาว่าผมก่อน และไม่ได้ว่าส่วนตัว แต่เป็นการว่าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหนักกว่าการว่าส่วนตัว เพราะถ้ามาว่าส่วนตัวถือว่าเป็น พี่ น้อง แต่ว่าคนในพรรคเสียหาย ผมจึงนต้องออกมาตอบโต้ แต่ไม่มีอะไรเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าเป็นการส่วนตัวคงไม่เรียกพี่”
เมื่อถามย้ำว่า จะให้ผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศออกมาฟ้องนายเศรษฐา หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ ตนไม่มีธงใดๆ ทั้งสิ้น ก็แล้วแต่ ผู้สมัคร ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาแค่ 2 สัปดาห์ เราทำงานของเรา แต่ถ้าผู้สมัครคนไหน รู้สึกเสียหายและเดือดร้อนก็เป็นสิทธิของเขา เราไปชี้นำหรือสั่งการไม่ได้ เมื่อถามว่า กรณีนี้จะเป็นการปิดประตูตายกับพรรคเพื่อไทย หรือยังพอคุยกันได้ในอนาคต นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเมื่อถึงเวลาพูดคุยเขาก็มีช่องทางและเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะรู้ว่าใครคือตัวจริงหรือไม่ใช่ตัวจริง
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยลงไปหาเสียงในพื้นที่อีสานใต้แสดงว่าไม่มั่นใจในคะแนนเสียงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การวิพากษ์ วิจารณ์ขึ้นอยู่บนพื้นฐานความจริงจะไปบอกว่า “อย่าเลือกพรรคภูมิใจไทยเพราะเดี๋ยวลุงตู่จะมา”อย่างนี้พูดไม่ได้ เพราะเป็นการโน้มน้าวให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะคนที่มาเลือกพรรคภูมิใจไทย จะเข้าใจว่า เลือกแล้วจะได้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดันไปเลือกคนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็ไม่เลือก พรรคภูมิใจไทยและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ก็เสียหายไม่ใช่คนที่เป็นแคนดิเดทของพรรค ถ้าเข้าประเด็นท่างกฎหมายตรงนี้ก็ต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่า กรณีของนายเศรษฐาจะเป็นเงื่อนไขให้พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมเป็นรัฐบาลด้วย ถ้านายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนไม่พูดท่าทีอะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่แถลงจุดยืนที่พรรคภูมิใจไทย มาจนถึงวันนี้ เรายังไม่ได้พูดคุยเรื่องการเมืองกับใคร เวลานี้ดูแลตัวเอง ไม่ให้บอบช้ำจากการถ๔กกล่าวหา ให้ร้ายจากคนอื่น และเร่งลงพื้นที่ให้มากที่สุด และขณะนี้โพลของพรรคก็ดี อยากให้ได้ส.ส.มากที่สุด ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะคนตัดสินใจคือประชาชน