“พิธา” ย้ำจุดยืนแก้ไข ม.112 เป็นทางสายกลาง วอนหยุดด้อยค่าประชาชน หลังกระแสนิยมพุ่งถูกกล่าวหาเป็นฝีมือไอโอ มั่นใจกวาด 160 เสียง
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 พ.ค.66 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.ธิษณา ชุณหะวัณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2, นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 5, นายกันตพล ดวงอัมพร ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 6, น.ส.ภัสริน รามวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 7 และนายชยพล สท้อนดี ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 8 ร่วมลงพื้นที่พบปะประชาชน แจกเรียงเบอร์ 400 ผู้สมัครเขตก้าวไกล เตรียมเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พ.ค. พร้อมเปิดตัวป้ายหาเสียงชุดสุดท้าย แบบเทคโนโลยี 3 มิติ (AR ) โดยมีบรรดาแฟนคลับรอให้การต้อนรับอย่างคึกคัก
นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงกิจกรรมในวันนี้ว่า เป็นกิจกรรมสำคัญ สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และที่ผ่านมายังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขอยู่คือความสับสน เรื่องเบอร์และเขต เราจึงต้องอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนให้ออกไปใช้สิทธิจำนวนมาก เป้าหมายในวันนี้คืออยากเห็นปีนี้เป็นปีประวัติศาสตร์การเมือง ที่มีคนออกมาใช้สิทธิ์ถล่มทลายถึง 80% ให้ได้ จาก 55 ล้านคน เพื่อให้ประชาธิปไตยจะเข้มแข็งได้ โดยกิจกรรมในวันนี้จะแก้ไขวิธีการจำเบอร์ โดยใช้หลากหลายรูปแบบ ก็คือเทคโนโลยี AR ที่แสกนคิวร์อาร์โค้ดตามจุดต่างๆ ทั้งเอกสารประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคที่ได้รับแจกจากผู้สมัครส.ส. และป้ายหาเสียง เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
เมื่อถามว่า การปรับกลยุทธ์ให้คนจดจำพรรคส่วนหนึ่งมาจากกติกาของ กกต. ที่ทำให้พรรคหน้าใหม่เสียเปรียบใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีส่วนมาก และประชาชนฝากมาบอก โดยเฉพาะพ่อแก่ แม่เฒ่า ที่ตั้งใจจะเลือกพรรคก้าวไกล แต่กลัวเลือกผิดพรรค ระยะสั้นเราจึงต้องแก้เกมกันแบบนี้ ส่วนในระยะยาว คือการทำให้การเลือกตั้งสะดวกกับพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีนิด้าโพล ครั้งที่ 3 ระบุว่า ประชาชนสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า พร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ และไต่ระดับขึ้นอย่างที่เห็น อย่างไรก็ตาม เราจะไม่แผ่วและไม่กระพริบสายตาในช่วงโค้งสุดท้าย เราขอบคุณประชาชนและทีมงานพรรคก้าวไกล ผู้สมัคร ส.ส. ที่ตั้งใจทำงาน ทำให้โพลคะแนนขึ้น เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว เราจะแผ่วไม่ได้ และไม่ประมาทต้องลงพื้นที่ให้เต็มที่และมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.ถึง 160 ที่นั่งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเราตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เรามาไกลจนถึงขนาดนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ การวางแผน การเตรียมตัว และความชัดเจนในจุดยืนทางการเมือง “มีลุง ไม่มีเรา” ความพร้อมของนโยบาย ทั้ง 300 นโยบาย และร่างกฎหมาย 45 ฉบับ และผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำงานมาอย่างหนัก ทำให้เราพร้อมบริหารประเทศในฐานะรัฐบาลก้าวไกล
เมื่อถามว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ กังวลว่าจะพบอุปสรรคอะไรหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เราตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะเมื่อเราจุดไฟในสายลมติดแล้ว เขาไม่สามารถหยุดได้ด้วยวิธีอื่น จึงอาจจะมีเรื่องวิชามารและการเมืองเก่าๆ มาทำให้เราเสียสมาธิ เราจึงต้องไม่หลงกลเขา เราพร้อมชี้แจงได้หมดทุกเรื่อง และจะไม่ละสายตาจากเป้าหมายคือเส้นชัยที่เราต้องการทำให้ได้ เราจะทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ โคลนสาดโคลนไม่ช่วยอะไร และต้องใช้ความสว่างไล่ความมืดเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเมื่อก้าวไกลเป็นรัฐบาลประเทศไทยดีกว่าเดิมได้อย่างไร
เมื่อถามว่า กังวลถึงการทำงานของ กกต.ในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ภาพรวมของการเมืองคือการเลือกตั้งต้องสะดวกและง่าย แต่ตอนนี้ประชาชนสับสนกันเยอะ และพบว่าในหลายพื้นที่ ประชาชนยังไม่ได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จึงอยากฝาก กกต.ให้เร่งในส่วนนี้
เมื่อถามถึงกลยุทธ์ในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเตรียมจัดคาราวาน 5 สาย ทั่วประเทศไทย โดยเป็นรถคันใหญ่ 1 คัน และจะแวะปราศรัยทักทายประชาชน เราจะเข้าไปหาประชาชนเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่บางพรรคฝั่งรัฐบาลบอกว่า กระแสความนิยมของก้าวไกลในโซเชียลที่พุ่งขึ้นนั้นคือ “ไอโอ-IO” นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าเป็นกระแสในโซเชียลอย่างเดียวหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี จะเห็นประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะให้การตอบรับที่ดี และยังพูดถึงปัญหาความเดือดร้อนของแต่ละคน โดยส่งผ่านมาเป็นจดหมายจำนวนมาก จะเห็นว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของตน ของพรรคก้าวไกล หรืออยู่บนโซเชียลอย่างเดียว จึงมั่นใจว่ากระแสความนิยมไม่ใช่เรื่องของโพลอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องในกระแสโซเชียลอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกที่ต้องการมีความหวังของประชาชนจากทุกตารางนิ้ว และจากการเปิดเวทีปราศรัยทั้งสามย่านมิตรทาวน์ และในหลายๆ จังหวัด ไม่ได้เป็นไอโอ และไม่ใช่ประชาชนที่อยู่ในโซเชียล ดังนั้นจึงอย่าด้อยค่าประชาชน
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกลในเรื่องมาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า เรายืนยันว่าจะเป็นการแก้ไข เพื่อเป็นทางสายกลางและเกิดฉันทามติจากสังคม หากไม่แก้ไขเมื่อไร สภาไม่ทำงาน เกรงว่าจะไปถึงยกเลิก ในขณะเดียวกันตนคิดว่าเป็นสิทธิของประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างออกไป ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมรายชื่อแล้วนำเข้ามาในสภาได้ ก็ต้องให้โอกาสเขา เพื่อให้เกิดการพูดคุยกัน เราทำก่อนที่จะพูด คือทำตั้งแต่เดือนก.พ.2564 การที่เราตั้งเวทีปราศรัย 40 นาที แล้วเขาตัดมา 4 วินาที ไม่ฟังทั้งหมด
เมื่อถามย้ำว่า การติดสติ๊กเกอร์ยกเลิกมาตรา 112 ที่เวทีปราศรัย จ.ชลบุรี จะมีปัญหาตามมาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คำถามมันถามตรงกลาง ไม่ได้ดูบริบทก่อนและหลังที่จะติด พอติดเสร็จ ตนก็พูดว่าเป็นสัญลักษณ์ แต่ขอแก้ไขในสภาก่อน เข้าใจถึงความรู้สึกของยุคสมัย ในแต่ละคนที่อาจจะเปลี่ยนไป ต้องดูทั้งก่อนและหลังติดสติ๊กเกอร์แล้วจะรู้ว่าจุดยืนของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามย้ำว่า การติดสติ๊กเกอร์ยกเลิกมาตรา 112 ไม่ได้เป็นการเอาใจม็อบใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นการแสดงความเข้าใจเขา