“อนุทิน”จวกคนไม่เกี่ยวการเมืองจุ้นวุ่นวาย ทำแตกแยกไม่จบ ดักคอพวกจับขั้วก่อน ถามประชาชนหรือยัง
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายว่า พรรคภูมิใจไทยนำเสนอนโยบายที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นของการเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่เน้นความแตกแยก เราไม่ชอบความแตกแยก ไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน เพื่อเอาประเทศไทยออกจาก ประเทศที่ไม่มีความสามัคคีของคนในชาติ ให้เร็วที่สุดให้ได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแบ่งแยกและมีขั้วเก่า-ขั้วใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีคนสร้างกระแสขึ้นมา ซึ่งตนคิดว่าประชาชนแยกแยะออกว่า เชื่อในข้อมูลใดแล้ว เขาได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่เรื่องของการเมือง คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเยอะแยะไปหมด จึงควรต้องจำกัดวงผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สมัครแต่ละคนที่เข้ามา ต้องถือว่าผ่านคุณสมบัติเข้ามาแล้ว ซึ่งตรวจคุณสมบัติโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มันไม่ใช่หน้าที่ของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง และมาเที่ยวว่ากล่าวให้ร้าย ก็จะทำให้ความแตกแยก ไม่จบไม่สิ้น พรรคภูมิใจไทยจะไม่ตอบโต้ ไม่สนใจ มิฉะนั้นจะเกิดความขัดแย้งไม่จบสิ้น เรามั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชนแล้ว เราก็จะเดินถนนของพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งออกมาเป็นไปตามกระแส จะทำให้ทิศทางของประเทศเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสไหนล่ะ หากเป็นกระแสของพรรคภูมิใจไทยเราก็เชื่อมั่น ตอนนี้ต่างคนต่างมีแฟนคลับของตัวเอง ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาตนที่ไปปราศรัยที่ไหน ได้ให้สัญญากับชาวบ้านว่า ถ้าได้กลับเข้ามาทำงานให้ประชาชนอีกก็จะดำเนินการตามนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แม้แต่นโยบายที่ทำมาแล้ว ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป ไม่มีการกีดกัน ตนคิดว่าเราทำงานการเมืองสร้างสรรค์ดีกว่า พอแล้วสำหรับการทะเลาะกัน เพราะผลสุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ คือประชาชน การที่จะบอกว่าไม่เอาพรรคนั้นไม่เอาพรรคนี้ หรือต้องการจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ก็ต้องถามว่าพรรคการเมืองเป็นของคนใดคนหนึ่งหรือไม่ เข้ามาได้มามีบทบาท ก็เพราะประชาชนเลือกมา ดังนั้นพรรคการเมืองเป็นของประชาชน จะพูดอะไรแทนประชาชนขอให้เกรงใจประชาชนบ้าง บอกว่าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองมีอำนาจในการพูดเช่นนั้นหรือไม่ ถามประชาชนหรือยัง ประชาชนต้องการให้เกิดความแตกแยกอย่างนั้นหรือ
“บางทีคนที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำงานภาคเอกชนมามาก คิดว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัทสั่งซ้ายหันขวาหันได้ มันไม่ใช่ พรรคการเมืองเป็นของประชาชน เป็นของสาธารณะ ทำอะไรต้องคิดถึงประชาชน และไม่มีคำว่าเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ไม่มีผู้ถือหุ้น แต่มีกรรมการบริหาร มีสมาชิกพรรค ซึ่งเสียงทุกคนเท่ากันหมด”นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ าขณะนี้มีพรรคการเมืองหาเสียง ด้วยประเด็นการเปลี่ยนประเทศและไม่ต้องการให้เปลี่ยน นายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงด้วยวาทะกรรม ไม่นำพาประเทศไปไหน จะเปลี่ยนประเทศอย่างไร จะเปลี่ยนให้คนเคยรักกันไปเกลียดกันอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ควรเปลี่ยนหรือไม่ เปลี่ยนของที่มีดีอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุข ร่มเย็น รู้สึกดีที่มีสถาบัน คอยดูแลประเทศนี้มาเป็น 100 ปี แล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มี ขนาดปี 2475 ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีๆ จะคิดเพียงแค่เอามันไม่ได้ นี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง