วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘ปชป.’คัดค้าน‘ยกเลิก-แก้ไข’มาตรา112 ปัดร่วมรัฐบาล‘ก้าวไกล’อวยพรให้โชคดี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ปชป.’คัดค้าน‘ยกเลิก-แก้ไข’มาตรา112 ปัดร่วมรัฐบาล‘ก้าวไกล’อวยพรให้โชคดี

“โฆษกปชป.” ปัดข่าวร่วมรัฐบาล “กก.-พท.” ปล่อยฟรีโหวตใครจะเลือก “พิธา” กางร่างกม.แก้ยกเลิก 112 ขัดรัฐธรรมนูญชัด เร่งเดินหน้าหา “หน.-กก.บห.” ชุดใหม่ ไม่ป้องคนปชป. ถ้ามีหลักฐานมัดซื้อเสียง

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2566 เวลา 11:00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ  รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวสับสนในเรื่องพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล หรือไม่ร่วมรัฐบาล เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะโดยหลักทางกฎหมายและข้อบังคับพรรคแล้วจะหลีกหนีเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะขณะนี้พรรคยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และเรียกประชุมส.ส.มาพิจารณาเรื่องเหล่านี้ ส่วนที่มีข่าวว่ามีการเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆนั้นก็เป็นข่าวบิดเบือนทั้งสิ้น รายงานข่าวที่ว่ามีการส่งคนไปเจรจาเพื่อร่วมรัฐบาลเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย เพราะเรามีกฎเกณฑ์กติกาที่ต้องทำตามระบบและระเบียบข้อบังคับ สิ่งที่ระบุในข้อบังคับพรรคระบุชัดในข้อที่ 96 ว่าให้ที่ประชุมร่วมกันระหว่างกก.บห. และส.ส. เป็นผู้พิจารณาเพื่อมีมติว่าร่วมหรือไม่ร่ว หรือถอนจากการร่วมรัฐบาล แต่ถ้าจะบอกมีใครไปเจรจา ประสานงานเพื่อร่วมรัฐบาลนั้นเป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น 

นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนที่มีสมาชิกพรรคแสดงความเห็นเรื่องการยกมือโหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี หรือมีความพยามให้ร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นความเห็นส่วนบุคคลทั้งสิ้น ซึ่งตนพูดในนามพรรคที่มีกฎกติการะบุไว้ชัดเจนว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรค รวมถึงข่าวที่ว่าเราไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีใครสามารถดำเนินการได้คนเดียวเช่นกัน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาล เพราะชนะมาอันดับหนึ่งก็เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ที่เราไม่ไปก้าวล่วง สถานะพรรคประชาธิปัตย์ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ตัวเลขอยู่ที่ 24  ที่นั่ง ดังนั้นอำนาจการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่แกนนำหลัก เราไม่มีสิทธิ์ทักท้วงหรือคัดค้านในสิ่งที่พรรคก้าวไกลและพรรคอื่นที่เข้าร่วมรัฐบาลพูดคุยกัน

นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 เราจะไม่ไปก้าวล่วง แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันตลอดคืออุดมการณ์ของพรรคข้อที่ 3 คือพรรคจะดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฏหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชน รุ่นหลังให้มีความนับถือ และนิยมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งชัดเจน และยืนยันตลอดว่าเราไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกม.112 หรือแม้แต่จะมีการแก้ไข  แม้จะมีความพยายามสื่อไปยังประชาชนว่า ไม่ยกเลิกเพียงแต่แก้ไข

นายราเมศ กล่าวต่อว่า อยากให้ประชาชนศึกษารายละเอียดของร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ที่นายพิธาและพรรคเสนอต่อสภามีความชัดเจนในตัว ว่ามีความพยายามอยู่หลายรอบ โดยในเนื้อหาจะบอกชัดเจนว่าให้มีการยกเลิกม.112  โดยเอกสารของร่างดังกล่าว ใน ม.4 ที่บัญญัติว่าให้มีการยกเลิก ม.112 ทั้งที่มาตรานี้ไม่สามารถทำร้ายใครได้ หากพฤติกรรมผู้ทำผิดไม่ได้ส่อไปในการทำผิด แต่มีความพยายามยื่นหลายครั้งและโจมตีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ หลายครั้งว่าพยายามตีตกไป ไม่ให้เข้าสู่บรรจุวาระสภา ซึ่งเป็นการบิดเบือนอย่างมาก เพราะตนมีหลักฐานเอกสารไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ ว่าพรรคการเมืองพยายามแก้ไขให้ยกเลิก ม.112  โดยสำนักเลขาธิการสภาฯตรวจสอบพบมีข้อบกพร่องและแจ้งให้นายพิธาถอนร่างไปแก้ไข แต่ก็มีความพยายามไม่สิ้นสุด โดยเสนอเข้ามาอีกในวันที่ 25 มี.ค.64  และวันที่ 7 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ไม่ปรากฎข้อความประสงค์ชัดว่าเสนอฉบับใด จึงแจ้งไปยังนายพิธาอีกครั้ง ต่อมาวันที่ 21 เม.ย.64 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ได้แจ้งให้นายพิธาทราบ เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่อง และวันที่ 23 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ได้สภาแจ้งนายพิธา ว่าร่างนี้อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่นายพิธาก็ยังยืนยันเสนอเข้ามาอีก จนวันที่ 22 ธ.ค.64  รองเลขาธิการสภาฯแจ้งไปยังนายพิธาว่ากรณีการกำหนดความผิดลักษณะที่ยอมความได้ อาจไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 28-29/2555 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 19/2564 ที่ว่า ม.112 ไม่ลักษณะที่ขัดหรือแย้ง และไม่มีลักษณะที่เลือกปฏิบัติต่อประชาชน

“หากพรรคก้าวไกลจะทำให้ประเทศไม่เหมือนเดิม เราไม่ก้าวล่วง แต่จะต่อสู้ในระบบรัฐสภา ส.ส.ทั้ง 24 คน จะทำหน้าที่ติดตามเรื่องของการยกเลิกแก้ไข ม.112 พรรคมีอุดมการพรรคและนโยบายชัดเจน แล้วว่าจะไม่มีการแก้ไขหรือยกเลิก ดังนั้นขอให้พรรคก้าวไกลโชคดีในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เต็มที่”นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่า มีสมาชิกพรรคบางคนเสนอให้โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯโดยไม่ต้องร่วมรัฐบาล นายราเมศ กล่าวว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่มีมติของกก.บห.และส.ส.ชุดใหม่ แต่ตนบอกได้เพียงว่า ขอให้ดูอุดมการณ์ของพรรคโดยเฉพาะข้อ 3 ที่สามารถบอกได้ชัดเจนแล้ว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เวลานี้ทุกคนกลับเข้าสู่กระบวนการสถาบันการเมือง เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคปชป. ลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็ต้องเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ โดยจะมีการนัดประชุมกก.บห. ในวันที่ 24 พ.ค. เพื่อหารือแนวทางการเลือกกก.บห.พรรคชุดใหม่ต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ครั้งนี้ จะเป็นความหวังให้ทุกคน พร้อมใจกันจับมือให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมา อย่างไรก็ตามขณะนี้ทุกคนมีสิทธิ์จะนำเสนอว่ามีการบล๊อคตัวใครเพื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค  ใครที่มีความรู้ความสามารถก็อาสาเข้ามาได้ แม้เราจะแพ้เลือกตั้งแต่ไม่ได้หมายว่าต้องปิดพรรค  เราอยู่มา 77 ปี มีศักดิ์ศรี นโยบายอาจไม่หวือหวาแต่ความยั่งยืนที่เกิดขึ้นจะเป็นคำตอบให้ประชาชนว่าที่ผ่านมาสิ่งดีๆที่ทำมาไม่สามารถหยุดการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้

“ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตเคยลงสมัครผู้ว่ากทม.ของพรรคก้าวไกล มีการพาดพิงว่าเราแพ้เลือกตั้งตลอด มีการเหยียดหยามด้อยค่าคนแพ้ หากย้อนไปตอนที่เขาแพ้เลือกผู้ว่าฯเราไม่เคยไปทับถมด้อยค่าแม้แต่น้อย เพราะถือเป็นมติของประชาชน ผมเชื่อพ่อ-แม่คุณวิโรจน์สั่งสอนมาดี แต่ด้วยตัวเองที่ลักษณะสันดานดิบ ชอบด้อยค่า กร่าวร้าวคนอื่น ปากอ้างประชาธิปไตย แต่พูดแต่ละคำมีแต่เสียดสี ผมไม่เรียกร้องให้ดัดนิสัย เพราะเขาพูดแบบนี้บ่อยครั้งอยู่แล้ว”นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า แม้เราจะมีแค่ 24 คน แต่การทำหน้าที่ในสภา ทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งเรื่องผลักดันนโยบายที่ประกาศและการออกกฎหมายต่างๆก็จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ส่วนการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นเป็นเรื่องของอนาคตแต่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกัน เพราะพรรคที่เหลือจากการร่วมรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มีการประเมินผลการเลือกตั้งของพรรคที่ได้มาเพียง 24 เสียงอย่างไร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กก.บห.ชุดใหม่จะมีการสรุปผลการเลือกตั้ง โดยต้องดูแต่ละพื้นที่ ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะภาคใต้เกือบทุกจังหวัด ยังเห็นกระบวนการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ขอยืนยันว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน มีมูลค่ามากกว่าเงินซื้อเสียง 500 บาท นอกจากนี้เราจะต้องมีการวิเคราะห์กันด้วยว่า การดำเนินการกิจกรรมในทางข้างหน้า เราจะทำอย่างไรในการต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้

เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าผู้ที่ได้รับชัยชนะได้เป็นส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการซื้อเสียงเลย นายราเมศ กล่าวว่า มั่นใจและถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจพบว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์มีการซื้อเสียง ก็ขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย นักการเมืองที่ทุจริตถ้ามีหลักฐานยืนยัน ตนก็สนับสนุนว่าทำผิดต้องติดคุก

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img