“วันนอร์” ชี้ ปธ.สภาฯเป็นโควต้าพรรคอันดันหนึ่ง แนะ “ก.ก.-พท.” คุยกันให้จบ อย่านำความขัดแย้งออกไปข้างนอก สอนประมุขสภาฯเป็นของส.ส.500 คน ชี้อายุน้อยเรียนรู้กันได้ เชื่อ “ณัฐวุฒิ” เหมาะสม รับสนใจงานสภาฯ
วันที่ 26 พ.ค.2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรและในฐานะประธานรัฐสภาต้องทำหน้าที่ประสานงานกับสมาชิกทุกพรรคการเมือง ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม และเป็นตัวแทนของรัฐสภาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องมีความเหมาะสมในหลายประการ เพราะเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องประสบการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความตั้งใจย่อมสำคัญกว่า ไปจนถึงความเหมาะสม บุคลิกภาพการวางตัวก็สำคัญ ส่วนวัย อายุนั้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับยุคสมัยนี้ เดี๋ยวนี้คนหนุ่มคนเก่งเยอะ อาจจะดีกว่าผู้สูงอายุด้วยซ้ำไป
นายวันนอร์ กล่าวว่า อุปสรรคสำหรับเวลานี้คือพรรคเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาล ต้องตกลงทำความเข้าใจกัน ว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นประธานสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีความขัดแย้งตั้งแต่ตอนต้นเมื่อเข้าไปโหวตในสภาก็จะมีปัญหา โดยทุกครั้งก็จะมีการตกลงชื่อบุคคลก่อนเข้าไปสู่การโหวต และตามธรรมเนียม ส่วนมากก็เป็นพรรคอันดับ 1 ที่จะมานั่งทำหน้าที่ประธานสภาฯ นอกจากในบางครั้งที่มีความจำเป็นเท่านั้นอาจจะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนพรรคอันดับ 2 ที่ร่วมรัฐบาล และไม่ได้เป็นประธานสภาฯ จะได้โควตารองประธานสภาฯคนที่ 1 และพรรคอันดับ 3 จะถูกวางตัวเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามลำดับ
เมื่อถามว่า การที่มีความพยายามต่อรองของพรรคอันดับ 2 จะทำอย่างไร นายวันนอร์ กล่าวว่า อยากให้คุยกัน ซึ่งยังมีเวลาจนกว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน ควรจะคุยกันภายในให้ตกลงกันได้ระหว่างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะเอาความขัดแย้ง ไปกระจายออกข้างนอก เพราะประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้ ถ้ามัวทะเลาะกันความเชื่อมั่นก็จะลดไป ดีงนั้นไม่ควรเอาความขัดแย้งแสดงออกข้างนอก การสร้างความเข้าใจหาข้อตกลงที่ดี ควรทำเป็นการภายในจะดีกว่า
เมื่อถามว่า เพื่อไทยควรจะยอมถอยหรือไม่นั้น นายวันนอร์ กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงทั้งสองพรรค เพราะเป็นคนนอกพรรค ส่วนความขัดแย้งระหว่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เป็นความเห็นแต่ละบุคคล ไม่ขอก้าวก่าย
“ผมไม่ขอก้าวล่วงทั้ง 2 พรรค เพราะเราอยู่คนละพรรค มันไม่ดี แต่เชื่อว่าการนั่งในตำแหน่งมีความเหมาะสมทั้งสองพรรค ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความจำเป็น ส่วนจะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลเสียงข้างมากอันดับ 1 หรือไม่ ก็เป็นการตัดสินใจ เมื่อเขาเป็นพรรคใหญ่ควรจะตกลงกันได้ เขารู้ว่าอะไรควรจะทำ ผมคิดว่าทุกอย่างจะตกลงกันได้”นายวันนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะเสนอให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม และนายธีรัจชัย พันธุมาศ นั้น นายวันนอร์ กล่าวว่า เป็นไปได้ ทั้งคู่มีความสนใจในบทบาทการประชุม ศึกษาข้อบังคับได้พอสมควร เชื่อว่าปรับปรุงอีกนิดหน่อยก็สามารถทำได้หากมาทำหน้าที่ประธานสภาฯจริง ตนเชื่อว่าทุกอย่างสามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ ส่วนตัวมองว่านายณัฐวุฒิเองก็ทำหน้าที่ได้ เพราะมีความตั้งใจสูง และสนใจงานของรัฐสภา จากที่ตนได้สังเกตตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เขามีความสนใจงานสภาอย่างมาก ทั้งบทบาทในกรรมาธิการรวมถึงการใช้ข้อบังคับให้เป็นไปอย่างมีประโยชน์ ต่อการที่จะอภิปรายต่างๆ
“ฝากทั้งสองพรรคเลือกคนที่เหมาะสมและทำหน้าที่ได้ดี เพราะไม่ใช่ตัวแทนของพรรคเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นตัวแทนของสมาชิกทั้ง 500 คน และตัวแทนในต่างประเทศที่จะต้องไปปรากฏตัว พูดคุย จึงต้องมีความสง่างาม และทำหน้าที่ในสภาฯได้ดีพร้อมกัน ซึ่งงานแรกที่จะได้เห็นสำหรับบทบาทประธานสภาฯคนใหม่คือการทำหน้าที่ ประธานในที่ประชุมสำหรับการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งจะต้องนำกฎหมาย ข้อบังคับมาใช้ การดำเนินตามระเบียบวาระ ไปจนถึงการประชุมตลอด 4 ปีให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะถ้าทำหน้าที่ไม่คล่องตัวหรือไม่ได้รับความเชื่อถือ การประชุมก็จะขรุขระได้ ดังนั้นใครเป็นประธานสภาฯผมก็ยินดีทั้งสิ้น พร้อมจะให้คำปรึกษาหากช่วยเหลือได้ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แนะนำ เพื่อให้สภาฯเดินไปด้วยความเรียบร้อย”นายวันนอร์ กล่าว