“อรรถวิชช์” ชี้ดีเซลต้องไม่ขึ้น 5 บาท เหตุน้ำมันดิบราคาลดลง ฝากรัฐบาลใหม่รื้อโครงสร้างพลังงาน ควบคุมค่าการกลั่น เก็บภาษีลาภลอย
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.66 ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่กำลังจะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.2566 นี้ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นจาก 32 เป็น 37 บาทต่อลิตร ว่า เป็นเรื่องน่าแปลก เพราะจริงๆ แล้วราคาน้ำมันต้องกลับมาลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง เดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ราคา 113.87 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันเหลือ 76.94 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลงมาถึงร้อยละ 32.43 (https://www.opec.org/opec_web/en/data_graphs/40.htm) ขณะที่โรงกลั่นหลายโรงโกยกำไรไม่หยุดตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงไตรมาสหนึ่งปีนี้ (Q1/2566) เป็นหมื่นล้านบาท บางส่วนก็มีการนำกำไรไปขยายธุรกิจอื่นเพิ่มแล้ว
ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาปลายเหตุเพื่ออุ้มราคาน้ำมันโดยลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน รายได้ภาษีหายไป 158,000 ล้านบาท ขณะที่กองทุนน้ำมัน แม้จะมีการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องไปแล้ว 1.1 แสนล้าน แต่สถานะยังคงติดลบอยู่ถึง 72,731 ล้านบาท นั่นหมายความว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องไม่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุเหมือนที่ผ่านมา
“ผมขอให้กล้าตัดสินใจ ควบคุมค่าการกลั่น ที่เป็นราคาสมมติให้เหมาะสม หรือออกกฎหมายเก็บภาษีลาภลอย ขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคลเฉพาะธุรกิจโรงกลั่น แล้วนำภาษีส่วนนั้นเก็บกลับไปใช้หนี้กองทุนน้ำมัน ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนผู้ใช้น้ำมัน เหมือนที่หลายประเทศเขาทำกัน” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว
ดร.อรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนแล้วที่มาตรการอุ้มราคาดีเซลจะสิ้นสุดลง ผมมีความหวังที่จะเห็นรัฐบาลใหม่ได้เจรจากับโรงกลั่น เตรียมกฎหมายรื้อโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรม