วันจันทร์, ตุลาคม 7, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“พิธา”ยันไม่กังวลปมถือหุ้นสื่อ มั่นใจขึ้นค่าแรง450 บาทใน100วันแรก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิธา”ยันไม่กังวลปมถือหุ้นสื่อ มั่นใจขึ้นค่าแรง450 บาทใน100วันแรก


พิธา”ย้ำคำเดิมปม “ปธ.สภา” ได้ข้อสรุปเดือน มิ.ย. ยันอีกไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ กกต.ยังไม่เรียกแจง ลั่น 100 วันแรกเจรจาขึ้นค่าแรง 450 บาท/วัน ผ่านไตรภาคี

วันที่ 2 มิ.ย.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในกรณีถูกร้องให้ตรวจสอบในเรื่องการถือหุ้นสื่อ ว่า ได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้ว ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจง ซึ่งหากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล

ส่วนที่คาดการณ์ว่า กกต.จะรับรองส.ส.ได้ ในกลางเดือนมิ.ย.นี้ หากกกต.ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลทั้ง151 คนได้ จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 ก.ค. หากช้าไป ก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภาฯ และเลือกประธานและรองประธานสภาฯได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ทำให้ประชาชนเรียกร้องให้กกต. ทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน

เมื่อถามว่า มีกรณีว่าที่ส.ส.ของพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่อาจส่งผลให้กกต.ไม่ประกาศรับรองบ้างหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขส.ส. ไม่ถึง 151 คน นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่เห็นมีเรื่องของน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ส.ส.ปทุมธานี แต่น่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดกับทีมกฎหมาย ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่ก็ต้องให้กำลังใจกับน.ส.ชลธิชาที่ต้องขึ้นศาล โดยไม่มีทนายในเรื่องมาตรา 112 และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานี ร่วมกับเพื่อนส.ส.คนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกตั้งมา

ส่วนกรณีพล.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการกกต. โพสต์กรณีตัวอย่างว่า หากเป็นหัวหน้าพรรค แต่พ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส. จะไม่มีผลสืบเนื่องต่อการรับรองการส่ง ส.ส.ของพรรค นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดเรื่องนี้ อาจจะยังให้ความเห็นไม่ได้ แต่ฟังจากความเห็นของนักวิชาการ และอดีตกกต. บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะต้องรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอ และไปไหนเลยแนวโน้มที่ดี หากกกต. รับรองได้เมื่อไหร่คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาก็จะตั้งรัฐบาลได้

สำหรับกระแสข่าวว่า มีการพูดคุยในเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิธา กล่าวว่า น.พ.ชลน่านได้ออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์แล้วว่า คำว่าจบแล้วมีนิยามของมันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจบที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหาว่าจะทำอย่างไร ให้เป็นประธานสภาฯของประชาชน ดังนั้น คงมีการพูดคุยกัน โดยยังคงยืนยันการให้สัมภาษณ์ของนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เป็นทีมเจรจาบอกไว้ว่าจะมีความชัดเจนในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ และสิ่งที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เอาไว้ ไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาให้ความเห็นว่า “อย่าฝันกลางวัน” ในกรณีที่พรรคก้าวไกลที่เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล นายพิธากล่าวว่า ตนยังไม่ได้ฟังสัมภาษณ์ของนายเสกสกล แต่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงขอพูดด้วยความเข้าใจว่าเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจแล้ว ตามปกติคนที่แพ้เลือกตั้งจะต้องยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้รัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คงไม่หลุดไปจากหลักการนี้ แต่อาจมีการพูดคุยกันของสภาล่างกับสภาสูง น่าจะเป็นไปในลักษณะนั้นมากกว่า

นายพิธา ยังกล่าวถึงข้อกังวลของประธานสภาแรงงาน ในเรื่องของการขึ้นค่าแรง 450 บาท ว่า หากรัฐบาลพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ใน 100 วันแรก อาจจะมีกลุ่มแรงงานไปยื่นร้องกกต. ว่าสัญญาว่าจะให้ แต่ทำไม่ได้ โดยยืนยันว่าในช่วง 100 วันแรก ตามกฏหมายจะต้องให้ไตรภาคี คือ ลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน ฝ่ายของรัฐ 5 คน พูดคุยกันหากลูกจ้างเห็นว่าค่าแรง 450 บาทเป็นจำนวนที่เหมาะสม หากจะได้ 10 วันต่อเดือนหรือ 20 วันต่อเดือนก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาทำงานของแต่ละคน ก็ยังไม่ถึงจำนวน 10,000 บาท และขณะนี้ ค่าของชีพสูงมากในการใช้ชีวิต จึงเชื่อว่าจะสามารถเป็นไปได้ใน 100 วันแรก จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการ ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img