นายกฯไฟเขียวพรรคร่วมรัฐบาล หารือถกปรับครม. ก่อนเสนอมาให้ตัดสินใจ แย้มสามารถเปลี่ยนโควต้าสลับเก้าอี้ใหม่ได้ ย้ำจะทำให้ดีและเร็วที่สุด เชื่อไมมีใครมากดดันได้ ด้าน “13 ส.ส.กลุ่มด้านขวาน” ของ พปชร. ส่งเสียงฮึ่ม ขอเก้าอี้รมต.เพื่อขับเคลื่อนนโยบายทางภาคใต้ จะเป็นรมช.หรือรมว.ก็ได้ ไม่เกี่ยง
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.64 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ประจำเดือนก.พ.64 ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะเสนอขึ้นมา วันนี้ทราบดีอยู่แล้วว่าต้องมีการปรับครม. ใน 3 ตำแหน่งที่ว่าง ช่วงนี้อยู่ในขั้นตอนที่จะเสนอผู้รักษาการกระทรวงต่างๆ ในตำแหน่งที่ว่าง โดยจะนำเข้า ครม.ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลก็จะหารือกันว่า จะทำอย่างไรกับตำแหน่งที่ขาดหายนี้ โดยแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอขึ้นมาที่มีปัญหา เพื่อให้ตนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอาใครที่ไหนอย่างไร เป็นเรื่องการเมือง วันนี้เอาขั้นตอนไปก่อน เพราะไม่ใช่ทำได้เลยวันนี้-พรุ่งนี้ ยืนยันว่าตนจะพิจารณาด้วยตนเองอีกครั้ง
เมื่อถามว่า การปรับครม. ครั้งนี้จะปรับเพียง 3 เก้าอี้หรือดูภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “กำลังคิดอยู่” เมื่อถามต่อว่า ได้มีการวางไทม์ไลน์ให้พรรคร่วมฯหารือและเสนอชื่อมาถึงเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรู้อยู่แล้ว ตนก็ให้ทุกคนไปหารือ โดย พปชร. ในฐานะพรรคนำไปหารือพรรคร่วมรัฐบาล แสวงหาความร่วมมือกัน ไปคุยกันด้วยหลักการและเหตุผล จากนั้นได้ข้อสรุปเป็นอย่างไรก็จะเสนอมาให้ตนคัดเลือกตามสัดส่วนที่มีอยู่
เมื่อถามว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนหรือโควต้าพรรคร่วมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงตรงนี้ เมื่อถามว่า คาดว่าการปรับครม. จะแล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค. หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเร็วเพราะการปฏิบัติงานต้องมีผู้รับผิดชอบโดยตรง ดังนั้นจะทำให้ดีและเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการปรับครม. ไม่มีแรงกดดัน ใครจะกดดัน ทุกอย่างอยู่ที่ตน
เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือน 3 พรรคใหญ่ในพรรคร่วมกำลังมีปัญหากันอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าให้มองมีปัญหา การเมืองที่ผ่านมาก็มีปัญหาทุกรัฐบาล แต่ปัญหาการเมืองก็คุยกันให้รู้เรื่อง ในส่วนการประเมินงานรัฐมนตรีแต่ละคนนั้น มีการประเมินอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ตกทุกคน ผลงานดีๆ ก็มี ส่วนอะไรบกพร่องก็แก้ไขได้และปรับให้เหมาะสม และต้องดูว่าถ้าปรับตรงนี้แล้วจะกระทบตรงอื่นหรือไม่ หรือปรับให้เหมาะสมขึ้นอีกได้หรือไม่ ก็จะดูอีกขั้นหนึ่งซึ่งขณะนี้กำลังดูตำแหน่งที่ว่าง และเมื่อเสนอขึ้นมาตนก็จะมาดูใหม่ว่า เสนอมาเช่นนี้จะสลับตรงอื่นอีกหรือไม่ก็ต้องว่ากันอีกที เมื่อถามว่า ขณะนี้มีใครบ้างที่ใครสอบตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เธอนั่นแหละสอบตก”
ทางด้านนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ส่วนตัวมีความเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส.ภาคใต้ 13 คน จึงควรมีตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ขับเคลื่อนงาน จะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการหรือรัฐมนตรีว่าการก็ได้
“ทำงานผ่านมาแล้ว 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์อาจจะเห็นว่าใครโดดเด่นอย่างไร ผมมองว่าพล.อ.ประยุทธ์คิดอยู่ในใจอยู่แล้วในการปรับ ครม.ให้สัดส่วนรัฐมนตรีภาคใต้ของพรรค ผมมองว่าควรมีตั้งแต่ตั้งรัฐบาลด้วยซ้ำ แต่ขณะนั้นส.ส.ภาคใต้ เป็นส.ส.ใหม่หมด การทำงานอาจจะยังไม่ประสานกัน แต่ตอนนี้ทำงานมาแล้ว 2 ปี ถึงไม่มีรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งจากคำพิพากษา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ควรมีการปรับครม. ภาคใต้ควรมีรัฐมนตรีอย่างน้อย 1 คน”นายสายัณห์ กล่าว
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ 13 ส.ส.ภาคใต้ควรมีรัฐมนตรี นายสายัณห์ กล่าวว่า เพื่อทำให้นโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนสู่พื้นที่ได้ นอกจากนั้นยังเพื่อเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งภาคใต้มีโครงการต่างๆ รัฐบาลมีโครงการใหญ่เยอะในพื้นที่ เช่น การสร้างสะพานเกาะสมุยถึง อ.ขนอม ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ โครงการขุดคลองไทย ซึ่งเราไม่ได้เจาะจงว่าเป็น “รมช.” หรือ “รมว.” เรามั่นใจว่าตำแหน่งใดก็ได้ เพราะตนเคยกล่าวไว้ว่า ส.ส.ใต้ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีได้ทุกคน และเห็นว่าจำเป็นต้องมีเพราะอีก 2 ปีก็เลือกตั้งใหญ่ จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้ภาคใต้
นายสายัณห์ กล่าวยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความเห็นของกลุ่มด้ามขวานไทย ที่มีส.ส.รวมทั้งหมด 13 คน และขอยืนยันไม่ใช่การกดดันเพื่อเอาตำแหน่ง เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่นิสัยคนใต้ ตอนนี้ครบ 2 ปี นายกรัฐมนตรีก็น่าจะเรียนรู้ว่า ส.ส.ใต้สามารถผลักดันโครงการต่างๆ ได้ จะได้นโยบายที่แถลงต่อนโยบายในส่วนภาคใต้ปฏิบัติได้เป็นจริง ใครก็ได้ ทั้ง 13 คน ให้พล.อ.ประยุทธ์จิ้มมาเลย ทุกคนยอมรับอยู่แล้ว เพราะทุกคนสามัคคีกัน
