หน้าแรกHighlightไม่หยุดยิง!กัมพูชาระดมอาวุธหนัก–โดรนรุกชายแดน ไทยตอบโต้ตามกติกาสากล

ไม่หยุดยิง!กัมพูชาระดมอาวุธหนัก–โดรนรุกชายแดน ไทยตอบโต้ตามกติกาสากล

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กลาโหมชี้กัมพูชายังไม่หยุดยิง ระดมอาวุธหนัก–โดรนรุกชายแดน ไทยย้ำป้องกันตนตามกติกาสากล พร้อมเปิดเจรจาเมื่อยุติปรปักษ์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ธ.ค.) ฝ่ายกัมพูชายังระดมการยิงอาวุธหนักเข้ามายังฝ่ายไทย ซึ่งไทยมีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ รวมถึงกฎหลักสากล โดยช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-01.00 น. มีการพบโดรนของฝ่ายกัมพูชาพยายามแทรกซึมเข้ามาจำนวนมาก และฝ่ายไทยได้มีการสกัดกั้น โดยเฉพาะพื้นที่จ.ตราด ทางกองทัพเรือได้มีการพยายามป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยดังกล่าวด้วย ต่อมาเวลา 04.15 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงด้วย BM-21 และปืนใหญ่เข้ามาในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเวลา 05.15 น. กัมพูชาโจมตีมาดินแดนของฝ่ายไทยตลอดแนว  

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า พื้นที่โดยรวมยังมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ทางฝ่ายไทยยังมีความพยายามในเรื่องการสถาปนาที่มั่น โดยกองทัพไทยยังดำเนินกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้หยุดยิงอย่างที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด  

พร้อมย้ําว่า ประเทศไทยไม่ได้ปฏิเสธการเจรจา หรือด้านการทูต แต่เนื่องจากการดําเนินการในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถเจรจาได้เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่พร้อมที่จะเจรจา และยังมีความเป็นภัยคุกคาม และเราจะต้องให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ก่อน เพื่อจะนําไปสู่การเจรจา อย่างแท้จริง นอกจากนี้ประเทศไทยขอให้ประชาคมโลกได้เข้าใจบริบทสถานการณ์ในพื้นที่จริงเพื่อคุ้มครองพลเรือน ลดความตึงเครียด และเคารพอธิปไตยของรัฐ

ด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมการปฏิบัติการพื้นที่ที่เราควบคุมได้แล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง เราใช้การขยายผลในที่หมายที่เราควบคุมไว้แล้ว ส่วนที่สำคัญคือพื้นที่ปราสาทคนา ที่ไทยเราได้ควบคุมเบ็ดเสร็จเรียบร้อย ซึ่งพบว่าพื้นที่มีการขุดคูเลตที่ใช้ในการรบอยู่ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่ากัมพูชาเข้ามายึดพื้นที่ที่เป็นดินแดนไทย ในบริเวณที่เป็นโบราณสถาณซึ่งผิดหลักสากลเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ เรื่องการประมาณการการสูญเสียของกัมพูชา ซึ่งได้รวบรวมตั้งแต่เริ่มการปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เมื่อดูเรื่องฐานที่มั่นที่ตั้งทางทหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งอาวุธหรือที่ตั้งกองบัญชาการ รวมถึงสิ่งที่สนับสนุนการรบต่างๆเราสามารถทำลายได้ 51 แห่ง BM-21 1 ระบบ รถถัง 10 คัน ยานรบ/ยานเกราะ 9 คัน ระบบปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 4 ระบบ ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด 7 กระบอก Anti drone 5 จุด Dron 68 ลำ เสาสื่อสาร 3 จุด และประมาณการสูญเสียทหารกัมพูชาอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 221 ราย 

พ.อ.ริชฌา กล่าวอีกว่า กองทัพบกดำรงความมุ่งหมายในการปฏิบัติการสองประการ 1. เราต้องสถาปนาแนวชายแดนที่ถูกรุกล้ำกลับคืนมาให้ได้ 2. ทำลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชาที่ชัดเจนแล้วว่าเข้าโจมตีและเป็นภัยคุกคามทั้งต่อกำลังทหาร และพี่น้องประชาชนให้หมดสิ้นสภาพ ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ที่ตั้งทางทหาร และสิ่งสนับสนุนต่างๆ เรายืนยันว่า ตรงนี้เป็นความมุ่งหมายที่เรายังคงดำรงอยู่อย่างแน่นอน

ส่วน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในพื้นที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายคือพื้นที่ บ้านชำราด อ.เมือง จ.ตราด เป็นเป้าหมายหลักที่เราพยายามยึดคืนพื้นที่ที่ถูกกัมพูชารุกล้ำเข้ามา และยึดครองพื้นที่ของเราเป็นเวลานาน เราพยายามทำการโต้ตอบ ยึดคืน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุน จากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศ เป็นการทิ้งระเบิดปูทาง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้เข้าใช้กำลังทหารราบ ดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดครองพื้นที่ ระหว่างการเข้ายึดครองพื้นที่มีการตอบโต้ทางกัมพูชาอย่างหนาแน่นแต่สุดท้ายนาวิกโยธินสามารถสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่และเชิญธงชาติขึ้นสู่เสาธงชั่วคราวในพื้นที่ได้ ซึ่งเป็นการแสดงอำนาจอธิปไตยในพื้นที่ของเราเอง

“ย้ำว่า จุดนี้เป็นจุดพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ถูกกัมพูชารุกรานมาตั้งแต่แรก จนถึงปัจจุบันยังมีการโจมตีโต้ตอบจากทางกัมพูชาไม่ได้มีการลดหย่อนลงเลย กัมพูชายังคงดำเนินการโจมตีกลับมา เรายังต้องดำเนินกลยุทธ์เพื่อกำจัดภัยคุกคามที่เกิดจากฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง” น.อ.นรา กล่าว

นอกจากนี้หน่วยที่เข้าดําเนินกลยุทธ์ ในกองทัพเรือยังมีหลายหน่วยที่สนับสนุนภารกิจ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานรักษาฝั่ง กรมสรรพาวุธทหารเรือ รวมถึงหน่วยอื่นๆ ประกอบกําลังเพื่อเข้าดําเนินกลยุทธ์พื้นที่ทางเป้าหมาย 

สำหรับการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดตราด กองทัพเรือเข้าใจดีว่าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการก่อกวนจากฝ่ายกัมพูชาอย่างหนักในพื้นที่ชุมชนของประชาชนเองเพื่อความปลอดภัย จำเป็นต้องประกาศเพื่อให้เกิดความปลอดภัยประชาชนสูงสุด

ทั้งนี้หากมีประชาชนจำเป็นต้องออกจากเคหะสถานนอกเวลา สามารถขออนุญาต และชี้แจงเจ้าหน้าที่ได้ เรารับฟังและอํานวยความสะดวก ขอให้ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก ขอให้เชื่อมั่นว่า สิ่งที่กองทัพเรือดําเนินการ รวมถึงทุกเหล่าทัพเพื่ออํานาจอธิปไตยเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img