วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS"สมชาย" ชี้ "พิธา" ปมโอนหุ้นให้ทายาทไม่ช่วยทำให้ผิดเป็นถูก ยันทางกฎหมายถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สมชาย” ชี้ “พิธา” ปมโอนหุ้นให้ทายาทไม่ช่วยทำให้ผิดเป็นถูก ยันทางกฎหมายถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว

“สมชาย” ชี้ “พิธา” ต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ ปมถือหุ้นไอทีวี ฟันธงมองการโอนหุ้นให้ทายาทไม่ทำให้ผิดเป็นถูก ทางกฎหมายถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว

วันที 6 มิ.ย.2566 นายสมชาย แสวงการ ส.ว.  ให้สัมภาษณ์ ต่อกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ระบุถึงว่า ได้แบ่งมรดกหุ้น ITV ให้แก่ทายาทอื่นโดยสิ้นเชิงแล้ว ว่า ประเด็นดังกล่าวไม่สามารถทำให้ความผิด กลายเป็นถูกได้ เพราะการถือครองหุ้นสื่อ ที่เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ของผู้สมัครส.ส. รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่นายพิธา ส่งใบสมัครต่อกกต. ช่วง 4-7 เมษายน แล้ว ดังนั้นทางกฎหมาย หรือ นิตินัยถือว่าเป็นข้อยุติแล้ว  ทั้งนี้ตนไม่ขอวิจารณ์ตามที่มีการตั้งคำถามว่า นายพิธาขายหรือโอนหุ้นทำไม ทั้งนี้เขาต้องรับผิดชอบ

“ผมเห็นคุณพิธา อธิบายผ่านเฟซบุ๊คแล้ว เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากยอมรับการต่อสู้ว่าไอทีวีเป็นสื่อมวลชนหรือไม่ ตามประเด็นที่ มีผู้ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง การไม่ถือครองหุ้นสื่อไว้ถือเป็นผลดีกับตัวเองในอนาคต เพราะคุณพิธายังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้ในครั้งถัดไป” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวด้วยว่าสำหรับการต่อสู้ในคำร้องของนายพิธานั้นมีมุมเดียว คือ ไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการต่อสู้ในประเด็นดังกล่าวต้องพิจารณาด้วยการตรวจสอบงบการเงินและการแสดงบัญชี ที่ยื่นต่อกรมสรรพากร ที่ทำได้ง่ายและย้อนหลัง 5 ปี หรือตั้งแต่ 2550 หรือ ปี2562 ที่นายพิธา ยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ทั้งนี้การตรวจสอบไม่เฉพาะที่ใช้คลื่นความถี่เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาอื่นๆ ด้วย เช่น ผลิตรายการอื่นๆ หรือไม่ เพราะขณะนี้งบการเงินของไอทีวีนั้นมีความเคลื่อนไหว มีกำไร ขณะที่การต่อสู้เรื่องคดีไอทีวี ที่มีคดีกับ สปน. นั้น ซึ่งค้างในชั้นศาลปกครองสูงสุดนั้น ตนมองว่าเป็นความประสงค์ที่จะทำหรือประกอบกิจการต่อ

“ในรายละเอียดของเรื่องคดีนี้ ต้องพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งผูกพันทุกองค์กร รวมถึงองค์กรอิสระด้วย ส่วนที่มีหลายฝ่ายยกคำวินิจฉัยของศาลฏีกาในคดีของหลายคนมาต่อสู้นั้น ในประเด็นดังกล่าวคำตัดสินมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ซึ่งต่างจากศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันกับทุกองค์กร และจาก 4 คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเป็นแนวทางเดียวกัน คือ การถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวเท่ากับว่าครอบครองหุ้นสื่อ” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่นายพิธา ไม่ยอมชี้แจงกับสื่อที่ตั้งคำถามเรื่องการโอนหรือขายหุ้นทันทีที่ถูกตั้งคำถามเมื่อ 5 มิถุนายน ที่ถูกมองว่ามีเจตนาไม่สุจริต นายสมชาย กล่าวว่า “ผมไม่ขอวิจารณ์ เรื่องนี้ว่านายพิธาจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ สังคมต้องพิจารณาเอง”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img