“ศรีสุวรรณ” บุกกรมควบคุมโรค ร้องเอาผิด ‘พิธา’ จ้อชื่อน้ำเมาออกสื่อออนไลน์ ส่อผิดกฎหมายที่ห้ามโฆษณา
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่กรมควบคุมโรค นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เพื่อชี้เป้าเอาผิดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค หลังจากเจ้าตัวไปออกรายการ กรรมการข่าว “คุยนอกจอ” ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางช่องยูทูป ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ นายพิธากล่าวตอนหนึ่งถึงนโยบายสุราก้าวหน้า และรสนิยมการดื่มของตัวเอง พร้อมก้บเปิดเผยชื่อยี่ห้อและเชียร์สุราชุมชนที่ตัวเองดื่มหลายชื่อ อันเข้าข่ายเป็นการโฆษณา ต้องห้ามตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 มาตรา 32 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือทางอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทให้กระทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง”
บทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าว กำหนดบทลงโทษไว้ในมาตรา 43 สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 32 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่ เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษแล้ว ผู้ฝ่าฝืนยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ประกอบกับมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ 2563 ออกมาบังคับใช้แล้วด้วย
รายการดังกล่าว มีผู้เข้าชมรายการหลายแสนคน มีการแชร์ภาพและข้อความ และนำคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ต่ออย่างมากมายในโซเชียลมีเดีย ทั้งในเฟซบุ๊ก ติ๊กต๊อก ทวิตเตอร์ และกลุ่มไลน์ ซึ่งผู้ที่นำไปเผยแพร่ถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรคในวันนี้ เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดและดำเนินการเอาผิดนายพิธา และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามครรลองของกฎหมายต่อไป
อนึ่ง มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจถือเป็นอีกหนึ่งกรณี ที่ทำให้นายพิธาตกม้าตาย ไปไม่ถึงฝันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้หรือไม่ด้วย เพราะหากนายพิธาโดนโทษจำคุกในเรื่องนี้ แม้จะรอลงอาญา แต่คุณสมบัติรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (7) บัญญัติว่า ต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท