‘ชลน่าน’ แจงเหตุชะลอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น เพราะเป็นพรรคลำดับ 2 เผยไม่กังวลคนร้องกกต. ไม่ขอตอบปมว่าที่ 20 ส.ส.ถูกฟัน ลั่นไม่กระทบการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบพรรค พท. ประกาศชะลอการทำตามนโยบายหาเสียงดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 73 (5) หรือไม่ ว่า ขอบคุณนายสนธิญา ที่ขยันทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อตนดูคำร้องของนายสนธิญาแล้ว ไม่ได้หวั่นเกรงและไม่ได้วิตกอะไร แต่ละฝ่ายล้วนทำหน้าที่ของตนเองไป
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กรณีที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. แถลงข่าวในนามพรรคไป มีความชัดเจนว่าเมื่อเราเป็นพรรคอันดับ 2 จะนำนโยบายของเราเสนอไปเป็นนโยบายรัฐบาล และการที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ก่อน ซึ่งจะต้องหมายความว่าจะต้องมีการพูดคุยกัน จึงใช้คำว่าชะลอ เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลจะต้องใช้เม็ดเงินก้อนเดียวกัน มั่นใจในข้อกฎหมายว่าไม่ได้เข้าข่ายฐานความผิดที่เป็นการหลอกลวงประชาชน
“ขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะ หากนายสนธิญา ศึกษาอย่างลึกซึ้งและเข้าในใจประเด็น เขาจะไม่ร้องในประเด็นนี้ ผมเชื่อว่าหากเขาร้องในประเด็นนี้ เขาจะอายตัวเองที่ไม่ศึกษาอย่างลึกซึ้งและไปร้อง จนทำให้สังคมเกิดความสับสน วุ่นวาย ตอนแรกผมชมแล้วนะว่าเขาสามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่บางเรื่องอะไรที่ทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวายก็เข้าข่ายก่อความวุ่นวายในสังคมได้โดยเฉพาะมิติสังคมในขณะนี้ที่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล“ นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่นั้น หากสามารถครองเสียงข้างมากได้เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.) นั้น เราสามารถนำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาเป็นนโยบายหลักได้เลย แต่ขณะนี้เป็นพรรคร่วม เราเป็นอันดับที่ 2 ก็ต้องเป็นการจัดทำนโยบายร่วมกัน และขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ
เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมาตรา 101 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อกฎหมายเขาคุ้มครองพรรคการเมือง หากผู้ใดร้องเท็จหรือฟ้องเท็จพรรคการเมือง พรรคการเมืองก็สามารถที่จะร้องเอาผิดผู้ที่จงใจกลั่นแกล้งหรือทำให้พรรคการเมืองเสียหายได้ ซึ่งหากเป็นความจริงโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี และติดคุกไม่น้อยกว่า 5 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายคงต้องไปดู และดูในรายละเอียดต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่กกต.จะรับรองส.ส.หากมีใบเหลือง ใบแดง มองว่าจะส่งผลต่อสมการตัวเลข ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เท่าที่ฟังประธานกกต.แถลงต่อสื่อมวลชน หากเป็นไปตามนั้น คำร้องกว่า 280 เรื่อง มีว่าที่ ส.ส. ที่อยู่ในข่าย 20 คน ซึ่งตามกฎหมายต้องมีการรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หลังจากนั้นต้องมีการรายงานตัว หลังจากนั้นก็สามารถที่จะไปเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกประธานสภาฯ นายกฯได้ แต่หากถามว่า 20 คนนี้มีผลหรือไม่นั้น หากอยู่ฝ่ายเราจริงๆก็ไม่มีผล เพราะมีตัวเลข ส.ส. กว่า 290 คน ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้
“ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าในจำนวน 20 คนนี้เป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น คำว่า ถ้า ผมไม่อยากจะตอบ เพราะถ้า มันเยอะ ต้องไปดูข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้เราก็พยายามติดตามอยู่ว่า 20 คนนี้เป็นคนจากพรรคไหนอย่างไร พรรค พท. เรามีเท่าไร เรายังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ต้องขออภัยจริงๆ ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ แต่ยืนยันว่าเรายึดมั่นในฝ่ายประชาธิปไตย เราได้รับอาณัติมาจากประชาชน ซึ่งเป็นความจริงที่ผมสามารถพูดได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาหารือกันหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราได้มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงไทม์ไลน์ของสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น โดยข้อสรุปเป็นเหมือนที่แถลงไปว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลของเรา