“พิธา”เตรียมนำผลคุยองค์กรคอร์รัปชั่นถกพรรคร่วม ปัดตามเช็คบิลรบ.เก่า เล็งรื้อจัดซื้อจัดจ้างปี 65 จำนวน 5 ล้านโครงการ ยันไม่ใช่เรื่องชำระแค้น ลั่นมีวุฒิภาวะพอ
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลการหารือกับองค์กรคอร์รัปชั่นว่า ทางพรรคก้าวไกลจะมีนายรังสิมันต์ โรม และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นแกนนำของทางพรรคในการพูดคุยเรื่องนี้ และทางพรรคเพื่อไทยกับพรรคเสรีรวมไทย ก็จะมีตัวแทนพูดคุยด้วย ซึ่งในการพูดคุยครั้งนี้ มีโครงการของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ผ่านการอภิปรายในสภาไป 4-5 เรื่องต่อปี และตลอด 4 ปีก็มีประมาณ 20 เรื่อง
นายพิธา กล่าวต่อว่า การทำให้โปร่งใสโดยที่ไม่ใช้งบประมาณนั้น จะเน้นเปิดเผยข้อมูลการประชุมรัฐสภา การประชุมกรรมาธิการให้สื่อมวลชนสามารถถ่ายทอดสดได้ ซึ่งจะทำให้โปร่งใสตรวจมอบได้โดยที่ยังไม่ต้องไปแก้พ.ร.บ.หลายส่วน ที่อาจใช้ระยะเวลานาน ข้อมูลที่เคยเป็นความลับก็จะถูกเปิดเผยได้ ทำให้การทำงานอยู่ในร่องในรอย ไม่ต้องใช้งบประมาณประเทศเพิ่ม ส่วนงบประมาณของกระทรวงกลาโหม จะเปิดเผยเท่าที่กฎหมายอนุญาตก่อน ยังไม่ต้องมีการแก้ไข ยกเว้นเรื่องความลับระหว่างประเทศที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
“ทางพรรคจะเน้นแก้ไขในเรื่องของโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลที่ผ่านมาในปี 65 ที่มีการจัดซื้อ 5 ล้านโครงการ คิดเป็น 70% ของโครงการภาครัฐทั้งหมด เน้นดูเรื่องที่สำคัญและเจาะจงแก้ไขลงมาเรื่อย ๆ”นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า หากตั้งรัฐบาลเสร็จจะตามเช็คบิล หรือสะสางการทุจริตที่ค้างคาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องการสร้างระบบ ไม่ใช่แค่ในรัฐบาลชุดไหน แต่ต้องสะสางตั้งแต่รัฐบาลก่อน รัฐบาลนี้ และรัฐบาลหลังจากนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวในการชำระแค้น ไม่ใช่เรื่องที่คนมีวุฒิภาวะพอจะมาคิดแบบนั้น เราต้องลดการผูกขาด เพิ่มความโปร่งใส ซึ่งเชื่อว่าจะดีกับทุกฝ่าย และการสร้างรากฐานเหล่านี้ก็จะเป็นวัฒนธรรมใหม่ของการเมืองไทย ทุเลาปัญหาการทุจริตที่กัดกินประเทศไทย
เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนคณะกรรมการขององค์กรอิสระด้วยหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริง เพราะมาจากการแต่งตั้ง เราต้องให้คนที่ประชาชนเลือกมา มีคณะกรรมการในการเลือกมาจากทั้งฝั่งรัฐบาล ฝ่ายค้าน เพื่อตอบโจทย์คนข้างล่าง ไม่ใช่คนที่แต่งตั้งเข้ามา และเป็น 1 ใน 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลด้วย
“ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือรายบุคคล แต่เป็นเรื่องของการใช้อำนาจ ไม่ใช่มาจากแต่งตั้งเสมอไป แต่มีที่มาของคณะกรรมการที่เราเสนอไป คละกัน ให้เป็นกลางที่สุด ต้องรับรองคนที่จะมาเป็นองค์กรอิสระให้อิสระจริงๆ ซึ่งยืนยันว่าต้องแก้กฎหมาย แต่เรื่องโล๊ะคณะกรรมการนั้นต้องหารือกันอีก”นายพิธากล่าว