วันเสาร์, เมษายน 12, 2025
หน้าแรกHighlight“เรืองไกร”ไล่บี้“กกต.”สอย“พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ รู้อยู่แก่ใจแต่จงใจฝ่าฝืน ม.151
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เรืองไกร”ไล่บี้“กกต.”สอย“พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ รู้อยู่แก่ใจแต่จงใจฝ่าฝืน ม.151

เรืองไกร” ไล่บี้ “กกต.” สอบ”พิธา” ปมถือหุ้นสื่อไอทีวีสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ตั้งต้นปี 62 หรือไม่ หมดสิทธิ์เสนอชื่อเป็นนายกฯหรืเปล่า เชื่อรู้อยู่แก่ใจแต่จงใจฝ่าฝืนม.151

วันที่ 11 มิ.ย.2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งข้อสังเกตว่า กรณี กกต.มีมติ 6 ต่อ 0 ตีตกคำร้องกรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กกต.อ้าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 51 และมาตรา 60 นั้น พอฟังได้เฉพาะกรณีประเด็นที่ร้องลักษณะต้องห้ามในคราวสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ  เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เท่านั้น แต่เนื่องจาก กกต. ไปตั้งเรื่องให้สอบทางอาญาตามมาตรา 151 ฐานรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. ซึ่งอาจทำให้เข้าใจได้ว่า กกต. เห็นว่าการถือหุ้นสื่อตามคำร้องเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42(3) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) 

นายเรืองไกร กล่าวว่า ดังนั้น ในคำร้องยังมีประเด็นอื่นที่เป็นผลมาจากการถือหุ้นสื่อรวมอยู่ด้วย ซึ่ง กกต. ควรดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป เช่น  สมาชิกภาพ ส.ส. เมื่อต้นปี 62 สิ้นสุดลง หรือไม่ ทำไม กกต. ไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82   และตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 14 วรรคสอง ประกอบรัฐธรรมนูญ มาครา 89 วรรคสอง ให้ถือว่า ไม่มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ ตัวอย่างแค่นี้ คงพอเป็นเหตุผลให้ กกต. ย้อนไปดูคำร้องให้ละเอียดว่า ยังมีงานที่ต้องทำตามหน้าที่และอำนาจต่อไป หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป หลังวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย.นี้

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img