ฝ่ายความมั่นคง เปรียบแกนนำ กปปส.ไม่หนี ไม่ผิดเงื่อนไขประกัน ไม่เคยจาบจ้วงสถาบัน ต่างกับม็อบราษฎรพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ติดคุกมีแต่ลูกสมุน คนหนุนหลังหายหัว เตือนม็อบระวังหมิ่นศาล หลังกล่าวหาว่าการวินิจฉัยคดีของผู้พิพากษาว่าใช้ 2 มาตรฐาน
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มวลชนกลุ่ม REDEM จัดกิจกรรม “เดินขบวน ขับไล่เผด็จการ” โดยเริ่มตั้งแต่ อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ – กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองคฯ (บ้านพัก นรม.)ในวันนี้ว่า ฝ่ายความมั่นคงมองว่า การจัดกิจกรรมของกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างนั้น มีความพยายามกดดันให้มีการปล่อยตัวแกนนํา กลุ่มราษฎรที่ถูกคุมขัง โดยหยิบยกกรณีการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนํากลุ่ม กปปส. มาบิดเบือนเปรียบเทียบ ด้วยมุมมองที่เป็นลบ เพื่อให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อการทําหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ
“ การหยิบยกประเด็นเรียกร้องให้ปล่อนตัวชั่วคราวของแกนนำกลุ่มราษฎรนั้นแตกกต่างกับกลุ่ม กปปส.อย่างมาก กลุ่ม กปปส.ไม่หนี และไม่เคยผิดเงื่อนไขประกัน ไม่เคยจาบจ้วงสถาบัน เหมือนกลุ่มม็อบที่ทำอยู่ อีกทั้ง กปปส. แกนนำมาด้วยตัวเอง รับโทษเอง ส่วนกลุ่มราษฎรคนที่เป็นหัวหน้าจริง ๆ หรือคนที่หนุนหลังไม่เคยโผล่มา เมื่อโดนคดีก็หนีไปหมด ตัวอย่างเห็นช้ดกันอยู่ แถมยังเสพสุขเล่น Club House อีกด้วย” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การบิดเบือนข้อมูล และกล่าวหาว่าการวินิจฉัยคดีของผู้พิพากษาว่าใช้ 2 มาตรฐาน เป็นการหมิ่นศาลอย่างชัดเจน เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ทั้ง 2 กรณีแตกต่างกันในหลายประเด็น การผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราว คือประเด็นพิจารณาสำคัญว่าสมควรจะให้ประกันชั่วคราวหรือไม่ แม้กระนั้น ฝ่ายความมั่นคง ยังคงไม่เข้าใจในประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาฯ และนักการเมืองฝ่ายค้านบางคนที่เข้าร่วมชุมนุมผิดกฏหมายบนถนนนั้น หากขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาล แล้วข้อวินิจฉัยของศาลอาญา จะถูกนำเข้าไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนสถานภาพการเป็น ส.ส.ได้หรือไม่ รวมทั้งม็อบราษฏร ที่ละเมิดมาตรา 112 และ 116 ที่เหลืออยู่ เมื่อไรจะขึ้นสู่ศาลได้สักที ฝ่ายความมั่นคง ยังคงติดตามใกล้ชิด เพราะมันจะกลายเป็นบรรทัดฐานในการจัดการกับการชุมชุมผิดกฏหมาย หรือการใช้สื่อโซเชี่ยวบิดเบือน ยุยงให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย ได้ต่อไป
