“คุณหญิงสุดารัตน์”ปัดข่าวลาออก ส.ส.-ยันนั่งหัวหน้าพรรค อ้างต้องใช้ประสบการณ์ตั้งรัฐบาลให้รอด ชี้สองพรรคใหญ่ดีลตั้งปธ.สภาฯไม่สำเร็จ ฝ่ายปชต.จบเห่แน่
เมื่อวันที่ 11.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมส.ส.ของพรรค จำนวน 5 คน รายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การเข้าสภาวันนี้ถือเป็นในรอบ 19 ปี หลังไม่ได้เป็นส.ส. ตั้งแต่ก่อนทำรัฐประหารปี 49 จนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวจะลาออกจากส.ส.และหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้คนอื่นขึ้นมาแทน ว่า เคยพูดบนเวทีหลายครั้งถึงการมีเจตจำนง ตั้งใจสร้างพรรคนี้เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นของประชาชน ไม่ใช่พรรคของใครหรือของนายทุนคนใด แต่ต้องการทำหน้าที่เป็นนั่งร้าน เสาเข็ม และสะพานเชื่อมโยง ให้คนเข้าพรรค ให้เป็นสถาบันการเมือง จากนั้นตนจะไปอยู่กับประชาชน โดยมีกลไกที่เข้มแข็งของพรรคในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่เนื่องจากเป็นการตั้งพรรคครั้งแรกจำเป็นต้องมีคนนำ โดยเฉพาะคนที่อยู่มานานอย่างตน ซึ่งในการประชุมยุทธศาสตร์ของพรรคเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงความประสงค์ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆแต่มีเสียงคัดค้านว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่นิ่ง อยากให้มีการพูดคุยกันอย่างครั้ง โดยคณะผู้บริหารพรรคและส.ส. ขอให้มีการพูดคุยกันก่อน โดยให้ดูจากห้วงเวลาที่เหมาะสม ควรช่วยกันประคับประคองให้มีรัฐบาลประชาธิปไตย โดยใช้ประสบการณ์ของตนช่วย ดังนั้น ตนจึงต้องมารายงานตัวเป็นส.ส. แล้วจึงคอยมาคุยอีกครั้ง ตอนนี้ยังต้องเป็นส.ส.ไปก่อน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นนานเท่าไหร่ ขอยืนยันว่าไม่ยึดติดตำแหน่ง ยังไม่ทราบว่าจะลาออกเมื่อไหร่
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวที่พรรคต้องการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น ยืนยันพรรคไม่มีปัญหาใด พยายามเสียสละให้การตั้งรัฐบาลราบรื่น ไม่มีเงื่อนไขใด ไม่เรียกร้องกระทรวงใด อาจเป็นความคาดหวังของบางคนที่พุดไป สเต็ปแรกขณะนี้ต้องเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรีให้ได้เสียก่อน โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯถ้าไม่ลงตัวใน8 พรรค การตั้งรัฐบาลจะยากเย็น
เมื่อถามว่า ถ้าตำแหน่งประธานสภาฯไม่ลงตัว จะเป็นฉนวนการจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่สิ่งที่กลัวที่สุด คือไม่อยากเห็นการชุมนุมการสูญเสีย เพราะจะเป็นข้ออ้างที่จะนำสู่การทำรัฐประหาร ดังนั้นทั้งสองพรรคใหญ่ต้องรู้ว่าตำแหน่งประธานสภาฯมีความสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่ประมุขนิติบัญญัติ แต่สถานการณ์การเมืองเช่นนี้ขอให้พรรคที่หนึ่ง และพรรคที่สองไปคุยกันให้จบ เสียสละเพื่อส่วนร่วม ตกลงกันให้ได้ ถ้าโหวตแข่งกันฝ่ายประชาธิปไตยจบแน่นอน ถ้าไม่จบจบเห่แน่
เมื่อถามถึงการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เคยยื่นเรื่องให้แก้ไขโดยให้ตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยไม่แตะต้องหมวด1 และหมวด2 ไม่ต้องทำประชามติ อยากให้ประชาชนสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ของพรรค เพราะไม่ได้แก้ไขเพียงแค่ส.ว. 250 คน แต่ยังมีเรื่องยุทธศาสตร์ 20 ปีที่เป็นเงื่อนไขให้ทุกรัฐบาลต้องปฏิบัติตาม อาจทำให้เกิดวิกฤตการเมืองตามมา จึงต้องดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ในมือของประชาชน ไม่ใช่ปลายกระบอกปืนของเผด็จการ