กกต. มั่นใจพื้นที่สู้รบบริหารจัดการได้ไม่ต้องเลื่อนวันเลือกตั้ง เผยคนละครึ่งพลัสเฟส2 ส่อชะงัก เหตุสร้างการได้เปรียบ
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) ให้ข้อมูลความคืบหน้าในการหารือ กับผู้แทนรัฐบาลเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาโดยในส่วนของการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทางกกต. ได้แจ้งให้ตัวแทนรัฐบาลทราบว่า จำเป็นต้องมีเวลาให้ข้อมูลกับประชาชนไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนการเลือกตั้ง ซึ่ง ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องคำถามประชามตินั้นทางรัฐบาลจะมีการคุยกันในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ดังนั้นวันนี้ทางกกต. จึงยังไม่รู้เลยว่าคำถามที่จะใช้ทำประชามตินั้นเป็นอย่างไร จึงได้แจ้งไปว่า หากจะจัดให้มีการทำประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้งสส. จำเป็นจะต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 30 วันจนถึงวันเลือกตั้ง
ส่วนการใช้งบประมาณในโครงการคนละครึ่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา169 ประเด็นหลักที่กกต. จะพิจารณาคือการของบประมาณ ในโครงการต่างๆนั้นก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่ แต่หากเป็นการขออนุมัติงบเพื่อปูนบำเหน็จให้กับทหารชายแดน หรือการของบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย กรณีเช่นนี้ทางกกต. ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ แต่โครงการคนละครึ่งจะอาจจะก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันการเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจากกกต. กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสถานการณ์การสู้รบที่อาจจะส่งผลให้มีการเลื่อนเลือกตั้ง กกต.ยืนยันว่า จะสามารถจัดการเลือกตั้งตามแผนที่วางไว้ได้ โดยขณะนี้ทางสำนักงานดำเนินการสำรวจว่าในจังหวัดที่มีการสู้รบนั้นกระทบต่อการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดบ้าง และเชื่อว่าสามารถใช้วิธีบริหารจัดการพาคนไปหาหน่วยเลือกตั้งได้ โดยไม่จำเป็นต้องเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป เพราะการเลื่อนการเลือกตั้งทั้งประเทศ น่าจะไม่เป็นผลดีทั้งกับกกต.และรัฐบาล โดยกกต. อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอื้อต่อรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลเองก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าใช้กกต. เป็นเครื่องมือ
สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในรอบที่จะถึงนี้เบื้องต้น มีประมาณ 53,052,847 คน แบ่งเป็นชาย 25,454,342 คนเป็นหญิง 27,598,505 คน



















