อัพเดทการเมือง “กูรไพศาลรายวัน” แนะจับตาพลิกสูตร “พท.” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล “เศรษฐา” หรือ “ประวิตร” ใครจะเป็นนายกฯ
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.66 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า อัพเดทการเมือง 30 มิ.ย.66
1.time line จัดตั้งรัฐบาล 66 เร็วกว่าที่คาด มีการนัดประชุมสภาผู้แทนเพื่อเลือกประธานแล้วในวันที่ 4 กค.66 เวลา 9.30 น. ซึ่งเป็นการเลือกโดยการลงคะแนนลับ และไม่อยู่ในอาณัติมติของพรรคการเมือง
คาดว่าจะเลือกเสร็จในวันนั้นและในช่วงบ่ายเลขาธิการสภาอาจจะนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป
เมื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งประธานแล้ว ก็จะมีการเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะประมาณวันที่ 10-13 ก.ค.และประธานรัฐสภาจะนำความกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป
2.เมื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว การเดินหน้าไทม์ไลน์ต่อไป จะเป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รับช่วงต่อจากสำนักเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้า เพื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้ง จากนั้นคณะรัฐมนตรีก็จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ คาดว่าจะประมาณวันที่ 20 ก.ค.
3.สูตรในการจัดตั้งรัฐบาล ที่เคย วิเคราะห์ว่าจะมี 3 สูตรนั้น ขณะนี้สูตรที่ 3 คือรัฐบาลข้างน้อยน่าจะแท้งแล้ว จึงคงเหลือสูตร 1 คือพรรคก้าวไกลเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล และสูตรที่ 2 คือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลโดย ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน
เรื่องประธานสภานั้น พลิกไปกลับมาอยู่หลายรอบ จนกระทั่งมีการเลื่อนการประชุมร่วมระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ล่าสุด ได้มีการนัดประชุมใหม่ ระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทย ในวันที่ 2 กรกฎาคม และในวันเดียวกันก็จะมีการประชุม 8 พรรคร่วม โดยระบุข่าวว่า มีทางออกที่ดี และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป!!!!
คือถ้านายพิธาไม่ได้รับความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลต่อไป โดยพรรคก้าวไกล ยังคงร่วมรัฐบาล ตามแถลงการณ์ 8 พรรค
นี่คือสูตรที่ 1 กลายพันธุ์ คือสลับให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล โดยอาจจะมีพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นเข้าร่วม เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุน เกิน 376
ในกรณีนี้ จะต้องติดตามดูว่า นายเศรษฐาหรือพลเอกประวิตรจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี?
4.เมื่อการเมืองเดินหน้าไปตามครรลอง ก็จะไม่มีฝ่ายใดมีความชอบธรรมที่จะนำมวลชนลงถนน ต่างชาติก็จะแทรกแซงไม่ได้ ประเทศไทยของเราก็จะปลอดภัย และ พรรคการเมืองก็จะต้องว่ากันไปตามระบบ!
บ้านเมืองของเราแตกสามัคคีกันมากแล้ว การกล่าวร้าย ในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมืองหรือใครเลย
ประชาชน 27 ล้านคน ที่เลือก8พรรคการเมือง ถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ ก็มากเกินไปแล้ว ควรจะหยุดการกล่าวร้ายในเรื่องนี้กันได้แล้ว เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเดินหน้าประเทศไทย ต่อไป