“แอมมี่”พยายามจะหนีแต่ไปไม่รอด! ตร.จับได้ใกล้รพ.-พาไปสอบปากคำ

ตำรวจบุกรวบตัว “แอมมี่ The Bottom Blues” ได้แล้ว ตามหมายจับคดีเผาป้ายหน้าเรือนจำคลองเปรม หลังพยายามหลบหนี แต่ไปไม่รอด นำตัวไปสอบปากคำต่อ แต่อุบสถานที่

กรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับที่ 429/2564 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2564 เพื่อดำเนินคดีนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ “แอมมี่ The Bottom Blues” ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังร่วมกันก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 2 มี.ค.64 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ขออนุมัติหมายจับได้แล้ว ได้สั่งการให้กำลังจาก บก.สส.บช.น.เดินทางไปที่ รพ.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 9 ที่มีเบาะแสว่า นายไชยอมรนอนพักรักษาอาการป่วยอยู่ แต่ปรากฏว่า ผู้ต้องหาได้ไหวตัวทันหลบหนีไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด

ล่าสุดในเวลาต่อมา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานต่างๆ ไปขออนุมัติต่อศาลอาญา ซึ่งตำรวจไปจับกุมตัวนายแอมมี่ ได้ใกล้โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้ต้องหากำลังจะหลบหนีออกจากโรงพยาบาล จากนั้นได้นำตัวไปสอบปากคำที่หน่วยหนึ่งของตำรวจนครบาล แต่ไม่สามารถเปิดเผยสถานที่ได้

สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ถึง 15, ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ตามมาตรา 217 มีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ตามมาตรา 218 มีอัตราโทษประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุก 15 ปี ถึง 20 ปี

อีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.2 และ สน.ประชาชื่น ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เลขที่ 248/2564 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2564 พร้อมกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 55/255 ม.9 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ “แอมมี่” โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาตรวจค้นกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับพร้อมกับตรวจยึดรถยนต์สีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบทะเบียน และเอกสารได้หลายรายการเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่ม จากนั้นได้นำวัตถุพยานต่างๆ ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ทั้งนี้ชุดปฏิบัติงานปฏิเสธการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน โดยให้รอฟังการแถลงข่าวจากทางผู้บังคับบัญชาเท่านั้น