วันเสาร์, เมษายน 5, 2025
หน้าแรกHighlight“วันนอร์”นัดโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค. จะ“ประชุมกี่ครั้ง”ต้องเลือกจนได้นายกฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วันนอร์”นัดโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค. จะ“ประชุมกี่ครั้ง”ต้องเลือกจนได้นายกฯ

“วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ชี้หาก”พิธา” ได้เสียงไม่พอรัฐสภาต้องเลือกจนกว่าจะได้ “นายกฯ”ไปบริหารประเทศ

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาฯ ได้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ชั้น 10 ห้องทำงานของประธานสภาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นประธานสภาฯ นอกจากนั้นยังมีส.ส.ของพรรคประชาชาติทั้งหมด เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

จากนั้นเวลา 12.00 น. นายวันนอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เชิญเลขาธิการสภาฯ รองเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการเรื่องรับสนองพระบรมราชโองการฯ ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ และเตรียมการเปิดประชุมสภาฯ และประชุมร่วมรัฐสภา โดยกำหนดว่าหากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว จะประชุมสภานัดแรกในวันที่ 12 ก.ค. โดยให้ส.ส.ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะประชุมสภาฯแต่ละสมัยจำนวนกี่วัน และวันไหนบ้าง แม้ที่ผ่านมามีการประชุมในวันพุธ และวันพฤหัสบก็ตาม ก็ต้องขอความเห็นในที่ประชุมก่อน

“ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งได้มีการหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว โดยทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯจะออกหนังสือเชิญสมาชิกทั้งสองสภามาประชุมร่วมกัน”นายวันนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในส่วนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและเคนดิเดตนายกฯจากพรรคก้าวไกล ที่มีแนวโน้มว่าจะโหวตไม่ผ่าน ประธานฯจะให้มีการโหวตกี่ครั้ง นายวันนอร์ กล่าวว่า จำนวนครั้งคงพูดไม่ได้ เพราะครั้งเดียวอาจจะผ่านก็ได้ คือได้ 376 เสียง แต่ถ้าไม่ครบก็ต้องพิจารณาการประชุมในรอบต่อไป และต้องวิเคราะห์ดูว่าคะแนนทีได้มีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะครบ 376 เสียง และหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขอเวลาในการประชุมกี่ครั้ง แต่โดยสรุปคือรัฐสภาต้องประชุมให้ได้นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นายพิธาคนเดียว หากนายพิธาได้ก็ถือว่าได้ไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรี เพราะรัฐสภามีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไปบริหารประเทศ เราจะขาดนายกรัฐมนตรีไม่ได้

“เบื้องต้นผมพูดอย่างเป็นกลางคือ ส.ส.มีหน้าที่สำคัญในการออกกฎหมายและพิจารณางบประมาณนั้น เขาได้ร่วมกันที่จะตั้งรัฐบาลแล้ว 312 เสียง ซึ่งเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การเลือกรองประธานคนที่ 1 ได้คะแนน 312 เสียง อันนี้ก็จะเป็นหลัก แต่การเลือกนายกฯไม่ใช่เสียงข้างมาก 312 เสียงแล้วจะได้เป็น เพราะต้องได้ 376 เสียงเป็นอย่างน้อย ซึ่งยังขาดอีก 64 คะแนน และหากไม่ได้ก็ต้องโหวตให้ได้ 376 เสียง และหากวันแรกไม่ถือว่าการประชุมวันนั้นต้องจบ และนัดโหวตนายกฯในครั้งต่อไป โดยจะต้องคำนึงความพร้อมของสมาชิกในการเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ทุกคนเข้าร่วมประชุมอย่างครบถ้วน ผมเชื่อมั่นว่าหากเราทำอะไรด้วยความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสิ่งนั้นจะบรรลุเป้าหมาย” นายวันนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันที่จะเสนอชื่อนายพิธาจะให้มีการประชุมอีกหรือไม่ นายวันนอร์ กล่าวว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นคนเดิมหรือคนใหม่ แต่เบื้องต้นต้องเป็นคนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดคุณสมบัติครบถ้วน แต่ถ้าหากว่ารายชื่อทั้งหมดที่ส่งไปยังกกต.ยังไม่ผ่าน ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดว่าให้รัฐสภาเสนอคนนอกได้ แต่ก็เป็นขั้นตอนที่ยาว เพราะรัฐสภาต้องมีเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ที่เห็นว่าควรจะให้เสนอคนนอกเข้ามาโหวตในสภาได้ ซึ่งต้องได้เสียง 376 เสียงก็ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ตนคิดว่าเราไม่สามารถที่จะไปคาดเดาได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องมีนายกรัฐมนตรี และเป็นนายกฯที่บริหารประเทศต่อไปได้

เมื่อถามว่า ประธานจะดูปัจจัยคำมั่นสัญญาของ 8 พรรคร่วมที่จะดันนายพิธาให้ถึงที่สุดหรือไม่ นายวันนอร์ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้ตกลงใจร่วมกันว่าจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมากที่ได้รับการเลือกตื้งมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. โดยเป็นข้อตกลงของ 8 พรรค แต่รัฐสภาก็ต้องทำหน้าที่ในการเลือกนายกฯ เพราะการโหวตเป็นเรื่องของรัฐสภาที่มีส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง หากเฉพาะสภาผู้แทนฯอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะ 312 เสียงถือว่าเกินครึ่งไปเยอะแล้ว

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img