“บิ๊กตู่” หน้านิ่ง ไม่ตอบปรับครม.จะเป็นเฉพาะคนใน “อนุชา” เหนียมข่าวไปนั่ง “รมว.ดีอีเอส” บอกอยู่ตรงไหนก็ตั้งใจทำงาน ขณะที่ “สุชาติ” โยนนายกฯตัดสินใจจะปรับพ้นเก้าอี้ “รมว.แรงงาน” หรือไม่
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มี.ค.64 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ จะเป็นคนในทั้งหมดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่หันมามองหน้านิ่ง
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) เป็นการประชุมหารือเพื่อหาตำแหน่งนัฐมนตรีที่จะขึ้นไปทดแทนในตำแหน่ง 2 รัฐมนตรีที่ว่างลง ส่วนจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างไร เป็นสิทธิเด็ดขาดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จะหารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ส่วนที่มีกระแสข่าวมีบางคนอยากให้มีการพิจารณาเป็นรายภาคนั้น ยืนยันไม่มี และไม่มีใครพูดอะไร
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้คิดว่าจะมีรัฐมนตรีใด ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ในการปรับครม.ครั้งนี้ นายอนุชา กล่าวว่า ตนว่าไม่มี เท่าที่พูดคุยมีเพียง 2 ตำแหน่งที่ต้องเสนอขึ้นไป ไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือจากที่ประชุมพูดคุยกัน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่น่าเป็นห่วง โดยนายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร คงปรึกษาหารือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับพรรคและรัฐบาล รวมถึงการทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติ
เมื่อถามถึงการแบ่งเป็นก๊ก จะทำให้เกิดแรงกดันต่อหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วง ถึงเวลาก็มีมติเป็นเอกฉันท์ที่มอบอำนาจให้พล.อ.ประวิตร เป็นคนจัดการ และไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องไปกดดัน เมื่อถามว่า พร้อมหรือไม่หากต้องไปดำรงตำแหน่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอนุชา กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ใหญ่อย่างเดียว ตนคิดว่าทำงานตรงไหนก็ได้ เพราะตนเป็นคนตั้งใจทำงาน และจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ยืนยันว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมการบริหารพรรคมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคพิจารณาบุคคลเป็นรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติมอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พิจารณาก็ไม่มีอะไร และเป็นผู้ที่พวกเราให้ความเคารพนับถือ เป็นศูนย์ร่วมจิตใจของคนในพรรคอยู่แล้ว การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ท่าน ที่จะนำเสนอนายกฯ พิจารณา ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคได้อีกนั้น ไม่ทราบ เป็นเรื่องหัวหน้าพรรคบริหารเรื่องนี้
เมื่อถามว่า หากถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีจะไม่เสียใจ ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารงานเพื่อชาติบ้านเมือง และความเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ
ส่วนนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มอบอำนาจเด็ดขาดให้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า ไม่ได้ห้ามคนนอก แต่ต้องเป็นคนในพรรคพลังประชารัฐ สำหรับการปรับเปลี่ยนเบื้องต้นก็จะมีเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลง ส่วนจะเกลี่ยหรือจะปรับเปลี่ยนอย่างไรขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี และผู้ที่จะมาเป็นไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นกรรมการบริหารพรรค ตรงนี้ถือเป็นหลักการและผลก็ยังไม่รูเว่าพล.อ.ประวิตร จะเลือกใคร
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า ตนเคารพทั้งในกติการพรรคการเมืองและตนเองก็มีหน้าที่คัดสรรคนที่เสนอเข้ามาเพื่อบรรจุรัฐมนตรีแทนในตำแหน่งที่ว่างลง ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆ และขอให้รอดูแล้วกันว่านายกฯ จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังไง ซึ่งคงไม่นานนัก