“นิพิฏฐ์” ลากไส้ “ทรราชย์เสียงข้างมาก” คิดนิรโทษกรรมความผิดตาม ม.112 หวังเปลี่ยนให้เป็นความผิดส่วนตัวต่อพระมหากษัตริย์ ผลัก “สถาบัน” เป็นคู่กรณีตรงกับ “ประชาชน” เปรียบแสบเหมือน “นายกฯ” ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ศาลลงโทษจำคุก แต่ใช้เสียงข้างมากในสภานิรโทษความผิดตัวเอง ลั่นอย่างนี้ไม่ใช่ “ประชาธิปไตย” หรอก
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แสดงความเห็นทางเฟซุบ๊กส่วนตัวเรื่อง “นิรโทษกรรมการแสดงความเห็นทางการเมือง” มีเนื้อหาว่า…
-ข้อตกลงของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เรื่อง การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม การแสดงความเห็นทางการเมือง คือ กฎหมายอะไรกันแน่
-ผมคิดเอาเองว่า คือ การนิรโทษกรรมความผิดตาม ม.112 ผมคิดว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลต้องระบุเป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาล เพราะถือเป็นข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล
-ลองคิดตามผมมา เรื่องนี้ เดิมพรรคก้าวไกล คิดจะเปลี่ยนความผิดนี้ เป็นความผิดส่วนตัวต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งยอมความได้ และให้สำนักราชย์ฯ เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์
-เรื่องนี้ ผมเคยโต้แย้งว่า มิบังควร เพราะจะทำให้ให้สถาบันเป็นคู่กรณีโดยตรงกับประชาชน
-หากนิรโทษกรรมความผิดตาม ม.112 ก็ลองคิดต่อไปว่า พรรคก้าวไกลกำลังปะทะกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือเปล่า พรรคก้าวไกลกำลังใช้สถานะผู้แทนราษฎร นิรโทษกรรมความผิดต่อพระมหากษัตริย์
-เมื่อกฎหมายผ่านสภาแล้ว ก็เสนอให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ในก.ม.นิรโทษกรรม ที่มีต่อพระมหากษัตริย์เรื่องแบบนี้ บังควรหรือไม่ ผมว่า คนทั่วไปคิดได้
-เปรียบเทียบว่า หากนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องว่าหมิ่นประมาท แล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก นายกรัฐมนตรีจะใช้เสียงข้างมากของสภา นิรโทษกรรมความผิดที่ตัวเองถูกจำคุกหรือ
-สมาชิกรัฐสภา ที่อ้างหลัก “ประชาธิปไตย” เกือบทุกครั้งที่เปิดปากพูด ลองคิดดู นี่มันเป็นการเริ่มต้นของ “ทรราชย์เสียงข้างมาก” มิใช่ประชาธิปไตยหรอก/