วันเสาร์, กรกฎาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight‘พิธา’รับต่อสายคุยทุกพรรคเว้น‘พรรคลุง’ ไม่ได้ขอเสียง-แค่แลกเปลี่ยนความเห็น!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘พิธา’รับต่อสายคุยทุกพรรคเว้น‘พรรคลุง’ ไม่ได้ขอเสียง-แค่แลกเปลี่ยนความเห็น!

พิธา” ยอมรับต่อสายคุยทุกพรรคเว้นพรรคลุง แค่แลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองปกติ เปล่าขอเสียงโหวตหนุน มั่นใจ “ก้าวไกล-เพื่อไทย”ไร้งูเห่า

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ว่า สำหรับการหารือ 8 พรรคในวันนี้ มีข้อสรุปอยู่ 3 ข้อ ที่ต้องการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชน คือ เรื่องวันที่ 19 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้ง 8 พรรคมีมติส่งตนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดินเดตนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย และหลังจากนั้นได้มีโอกาสหารือกันเกี่ยวกับการยื่นแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้เสนอโดยพรรคก้าวไกลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีก 7 พรรคที่เหลือ ส่วนเรื่องสุดท้ายก็อาจจะเป็นเรื่องของข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภา ที่มีข่าวออกมาว่า ส.ว.จะตีแบบนี้ และมีความเห็นในทางกฎหมายว่า ไม่น่าจะเข้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบังคับแต่อย่างใด ก็ไม่ถือว่าเป็นญัตติเป็นการเสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งอาจจะมองเห็นต่างกับทาง ส.ว.ในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังเตรียมเรื่องของรายละเอียดที่จะเข้าสู่วันที่ 19 ก.ค.นี้

เมื่อถามว่า ตั้งหลักอย่างไร หากเสียงวันที่ 19 ก.ค.ไม่พอ นายพิธา กล่าวว่า ตามที่เคยแถลงผ่ายวิดีโอไป และตามทางแผนผังว่า สำหรับสมรภูมิแรก หากคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราก็พร้อมที่จะถอยให้ประเทศชาติ และพรรคอันดับ 2 ที่อยู่ในเอ็มโอยูเดิมของ 8 พรรคร่วมก็คือพรรคเพื่อไทย แต่ในขณะเดียวกันเรื่องของมาตรา 272 ที่ยื่นเข้าไปก็ดำเนินการภายใน 15 วัน และยืนยันว่าเป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวไม่ได้ผูกพันกับพรรคอื่น

เมื่อถามว่า หากในวันที่ 19 ก.ค. ถ้าเกิดมีการตีความในรัฐสภากันว่าเข้าข้อบังคับที่ 41 ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ ทาง 8 พรรคจะดำเนินการอย่างไรในวันนั้น นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เราก็มีข้อสรุปในเชิงเกี่ยวกับการตีเชิงกฎหมายในฝั่งของเรา วันที่ 18 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมวิปอีกทีหนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้ประชุมวิปก็อาจจะเห็นตรงกันว่าญัตติก็คือญัตติ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อบังคับ แต่การเสนอนายกฯ เป็นคนละโหมดกันและเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญไม่สามารถตีความแบบนี้ได้

ต่อข้อถามว่า ถ้าไม่เป็นเหมือนที่เราคิดมีแผนสำรองรองรับอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เดี๋ยว ต้องรอฟังทางวิป เหตุและผลของฝั่งตรงกันข้ามเป็นอย่างไร เห็นแต่พาดหัวไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเหตุผลอะไรถึงได้คิดว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องญัตติได้ มันคนละเรื่องกัน

เมื่อถามอีกว่า ยังยืนยันที่จะจับมือกัน 8 พรรคเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ นายพิธาพยักหน้า และกล่าวว่า ถึงได้มีมติออกมาแถลงในวันนี้

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของ 8 พรรคร่วมตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า “ก็เป็นไปด้วยดี มีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ และเราก็มีมติส่งผมอีก 1 ครั้ง และจะพยายามใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่”

เมื่อถามว่า มีการขอเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนามาด้วย ได้คุยกันใน 8 พรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันนี้ยังไม่ได้เป็นมติของทาง 8 พรรค

เมื่อถามว่า ได้หารือถึงการเตรียมชื่อสำรองไว้หรือไม่ ในกรณีที่ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ในวันที่ 19 ก.ค. นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่มี ก็ยังเป็นชื่อตนคนเดียวอยู่ อย่างไรก็ตามหลังวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมายังมีการพูดคุยกับ ส.ว.เรื่อยๆ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า นายพิธาต่อสายไปพูดคุยกับกลุ่มแกนนำขั้วรัฐบาลเดิม มีข้อเท็จจริงอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า “ก็คือมันเป็นเรื่องปกติ ปกติผมก็จะหารือเรื่องเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง กับเพื่อนๆ ที่เป็นส.ส. และส.ว. ตามเวลาที่เดินผ่านกันในสภา หรือเวลาอยากจะหาเช็กข้อมูลอะไรก็มีโอกาสพูดคุยกัน แต่ว่าก็ไม่ได้มีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาล”

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับพรรคไหนบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ก็เกือบทุกพรรค ยกเว้นพรรคลุง เรียกว่าก็มีโอกาสถามและพูดคุยว่าตอนนี้คุณเห็นสถานการณ์เป็นอย่างไรแค่นั้นเอง เป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมือง

เมื่อถามว่า ไม่ได้เป็นการโทรไปขอเสียงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “ไม่ครับ แต่เป็นการโทรไปแลกเปลี่ยนทางการเมืองเฉยๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่หัวหน้าพรรคคุยกับหัวหน้าพรรค ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มทำเอาอาทิตย์นี้”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับรายงานข่าวที่ออกมาว่านายพิธาโทรไปเพื่อขอเสียง นายพิธา กล่าวว่า อันนี้ผมยังไม่ได้เห็นรายละเอียด เลยคอมเมนต์ไม่ได้ ไม่น่าจะจริง

เมื่อถามถึงตัวเลขที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวันที่ 19 ก.ค. คิดว่าตัวเลขต้องเท่าไร นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าถ้าให้เหมาะสมก็ต้องขึ้นกว่า 10% จาก 324 เป็น 344-345 ก็น่าจะเป็นลักษณะแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจที่จะกั๊กว่าจะใช้คำว่านัยสำคัญ ไม่ได้คิดตัวเลขในใจ ก็คงจะมีตัวเลขที่มันไม่ฝืนสายตาของประชาชน

เมื่อถามว่า การโหวตรอบ 2 มองเรื่องการเสนอชื่อแข่งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถ้าเท่าที่ฟังสัมภาษณ์ 10 พรรค ทุกคนก็พูดว่าเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ จึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า ยังไม่มีการยืนยันจากพรรคของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งอาจจะมีการรวมเสียงได้นายพิธา กล่าวว่า อย่างนี้ ต้องฝากนักข่าวไปถามแกแล้ว เพื่อความชัวร์

เมื่อถามว่า มีการเตรียมพร้อมรับมือหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีครับ ทั้งนี้ทางฝ่ายของพรรคก้าวไกลได้คอยติดตาม คอยเช็คตลอด มั่นใจว่าทุกคนได้รับบทเรียนของการเป็นงูเห่า และได้คะแนนกลับมาพันกว่าคะแนนเท่านั้น ก็มั่นใจว่าทางพรรคก้าวไกลไม่น่าจะมีอะไร และเข้าใจว่าทางเพื่อไทยตนก็เข้าใจว่าน่าจะคิดอย่างนั้นเช่นกัน

เมื่อถามถึงการถอยเรื่องมาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 ก็เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟและสำคัญ แต่ว่าไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะถ้าเรื่องนี้พอหายไป เรื่องอื่นก็จะมาอีก ที่สำคัญที่สุดตนต้องการรักษาคำพูด ก่อนหาเสียงพูดไว้อย่างไร หลังหาเสียงก็ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะเข้าสู่อำนาจในทุกวิถีทาง

เมื่อถามว่า คะแนนที่จะได้เพิ่มมาในรอบ 2 ตามที่บอกจะเป็นเสียงจาก ส.ส.หรือ ส.ว. นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องรอดูด้วยกัน แต่ตนยังทำงานในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ทิ้งไป และยังสู้อยู่

ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีหุ้นวันที่ 19 ก.ค.ด้วยนั้น นายพิธา กล่าวว่า ผลมันจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้ความเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของตนหายไป เมื่อเทียบกับกรณีนายธนาธร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img