“ผบ.ตร.” ดึงสติกลุ่มผู้ชุมนุมให้คิดดีๆ แน่ใจเหรอว่ามาชุมนุมแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ย้ำไม่อยากเห็นภาพปะทะรุนแรงโดยไม่จำเป็น ไม่เชื่อว่าจะมีม็อบชนม็อบ บช.น.เตรียม คฝ. 32 กองร้อย รับมือม็อบ 6 มี.ค.นี้ เลือกวางกำลังตามสถานการณ์
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบนัดชุมหลายสถานที่วันเสาร์ที่ 6 มี.ค.นี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด เท่าที่ทราบคือที่หน้าศาลอาญา, ศูนย์ราชการ, กรมทหารราบที่ 11 ตรงนั้นเป็นเขตพระราชฐานต้องทำความเข้าใจ ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามที่จะมีการยกระดับการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น เรายังยึดหลักไม่ทำอะไรเกินกรอบกฎหมาย แต่ต้องเตรียมการให้มากกว่าเดิม ความสูญเสีย บาดเจ็บ พยายามจำกัดให้น้อยลงให้ได้ ส่วนที่มีการจับกุมกลุ่มชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เพราะมีการกระทำความผิดซึ่งหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นจะมีม็อบชนม็อบหรือไม่ อย่างวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ชาวบ้านย่านดินแดงได้ออกมาต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า วันนั้น…ไม่ใช่ม็อบชนม็อบ เรามีกำลังดูแลอยู่ แต่ว่าดูแลได้ไม่ทั่วถึง อย่างน้อยก็ระงับความเสียหายได้มากพอสมควร เรื่องม็อบชนม็อบ…ไม่คิดว่ามี
“อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สติคิดให้ดี คนบางคนมาชักชวนท่านให้เตรียมอุปกรณ์ เตรียมโล่ เตรียมแปบเหล็ก ต้องคิดให้ดี ทำอย่างนั้นมันไม่ได้อะไรกับประเทศชาติ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม แน่ใจเหรอว่าทำอย่างนั้นจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่ม Redem ที่หน้าศาลอาญา ทางตำรวจนครบาลได้มีการพูดคุยประสานกับทางสำนักงานศาลยุติธรรมอยู่ตลอด การชุมนุมมันผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้วถ้ามีการชุมนุมแบบนั้น ไม่อยากเห็นภาพรุนแรงหรือปะทะกันโดยไม่จำเป็น” ผบ.ตร.กล่าว
ด้านพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไว้ 32 กองร้อย เพื่อนำกำลังไปดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดที่มีการชุมนุมในแต่ละจุด โดยจะเลือกการวางกำลังตามสถานการณ์และกลุ่มผู้ชุมนุมในแต่ละพื้นที่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะจัดกำลังลงไปแต่ละจุดเท่าใด และต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลัง 3 ผลัด สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ห้าแยกลาดพร้าวที่เคลื่อนไปที่ศาลอาญา เนื่องจากจุดดังกล่าวตามข้อมูลของผู้ชุมนุมจะไม่มีแกนนำ ที่ผ่านมาในการชุมนุมที่บริเวณกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว (ร.1 ทม.รอ.) มีการใช้ความรุนแรงรวมถึงมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น จึงต้องจับตาดูสถานการณ์ในจุดดังกล่าวเป็นพิเศษ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า ได้หารือกับทุกหน่วยงานที่ต้องลงพื้นที่ดูแลการชุมนุมเพื่อกำชับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมดูแลการชุมนุม และยังกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนายปฏิบัติเกินกว่ากฎหมายและหน้าที่ ทั้งนี้ ล่าสุดศาลอาญายังไม่ได้ขอกำลังตำรวจมาดูแลภายในและนอกบริเวณศาลเพิ่มเติม เชื่อว่ากำลังที่บช.น.เตรียมไว้น่าจะเพียงพอต่อการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ หากมีสถานการณ์ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็พร้อมจะตัดกำลังหรือเพิ่มกำลังไปช่วยระงับเหตุได้ทันที
เมื่อถามว่า กรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วังทองหลาง ไปควบคุมดูแลการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ติดเชื้อโควิค-19 เป็นกลยุทธ์ทางการข่าวหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเหตุการณ์จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดเชื้อ ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่รพ.ตำรวจ มีผู้ป่วยทั้งหมด 17 นาย ส่วนคนที่กักตัวอยู่บริเวณที่บ้านตัวเองมีทั้งหมด 17 นาย มีการจัดตรวจคัดกรองโรคตำรวจทั้งสน.วังทองหลาง จำนวน 195 นาย ตำรวจที่ติดเชื้ออยู่เพียงในรถควบคุมตัวผู้ต้องหา ไม่ได้ออกมาควบคุมดูแลการชุมนุมในจุดที่มีการเผชิญหน้า รถก็จอดประจำอยู่ในแนวหลัง ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ยืนยันว่าตำรวจไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ทางการข่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุม