“จตุพร” ดักทาง ทวงมาตรฐาน “สว.-ขั้ว 188 เสียง” เคยยึดมั่นไม่โหวตคนแก้ม.112 ให้เป็นนายกฯ แต่ “เศรษฐา” เคยประกาศตอนหาเสียงจะแก้ไข ถ้ารับรองเศรษฐา-ไม่รับรองพิธา ถือว่าเป็นมาตรฐานเฮงซวย ยุ 8 พรรคร่วมให้จับมือกันให้แน่น เพื่อร่วมกันก้าวข้ามขัดแย้ง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ตามคาด?” เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินถึงการโหวตนายกฯ 4 ส.ค.นี้ว่า คาดสภาไม่มีการโหวตอีก เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เคยประกาศแก้ ม.112 เมื่อช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับหลักการของ สว.และฝ่าย 188 เสียง
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อการแก้ ม.112 เป็นหลักยึดมั่นของ สว.และฝ่ายข้างน้อย 188 เสียงอ้างเป็นเหตุไม่ลงมติรับรองนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ดังนั้นต้องไม่โหวตผ่านนายเศรษฐาเช่นกัน เพราะมีเจตนาแก้ ม.112 เหมือนกัน
“พรรคเพื่อไทยประกาศเสนอตัวนายเศรษฐา โหวตเป็นนายกฯในวันที่ 4 ส.ค.นี้ และในทางการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้งนายเศรษฐา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนยันแก้ ม.112 ซึ่งไม่แตกต่างอะไรไปจากนายพิธาได้พูดเอาไว้เช่นกัน โดยมีคลิปเสียงยืนยันได้ชัดเจนและแพร่สะพัดในโซเชียลมีเดีย ซึ่งหาฟังไม่ยากเลย”นายจตุพร กล่าวและว่า ถ้า สว.อ้าง แก้ ม.112 เป็นเหตุไม่อาจรับรองให้เป็นนายกฯแล้ว ดังนั้น เมื่อมีมาตรฐานกับพรรคก้าวไกลอย่างไร ต้องปฏิบัติต่อนายเศรษฐาอย่างนั้นเช่นกัน อีกทั้งฝ่าย 188 เสียงต้องยืนยันมาตรฐานคนแก้ ม.112 เป็นนายกฯไม่ได้ด้วย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า “หากยังโหวตให้คุณเศรษฐาได้ แต่ไม่รับรองคุณพิธา ในกรณีแก้ ม.112 เช่นกัน แสดงว่าบ้านเมืองนี้มันเฮงซวยจริงๆ แล้ว ทำไมคุณเศรษฐาพูดแก้ ม.112 ได้ แล้วทำไมคุณพิธาจึงพูดแก้ ม.112 ไม่ได้ ทั้งที่เป็นประมวลกฎหมายอาญาเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน แล้วเพื่อไทยจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร และพรรคร่วม 188 เสียง ตลอดจน สว.คุณจะเอาอย่างไร”
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียงแล้ว นายเศรษฐามีความกล้าจะเป็นนายกฯจริงหรือ? เพราะถ้าข้ามขั้ววันไหน ก็จะพังก่อนตั้งรัฐบาลอีก แล้วยังจะจบไม่สวย อีกอย่าง ช่วงก่อนวันที่ 4 ส.ค. เมื่อปรากฎเสนอชื่อนายเศรษฐา โหวตนายกฯ แล้วข้อมูลกรณีซื้อที่ดินที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตรียมไว้ ก็จะหลุดออกมา ขณะที่คลิปหาเสียงประกาศแก้ ม. 112 ก็มีคนนำมาแถลงอย่างเป็นทางการด้วย จึงเชื่อได้ว่า 4 ส.ค. คงไม่ได้นายกฯอีก
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า หนทางที่ดีท่ามกลางสถานการณ์ขัดแย้งนี้ 8 พรรค MOU โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลต้องจับมือกันให้เหนียวแน่น ไม่แตกแตกข้ามขั้วไปร่วมมือกับฝ่าย 188 เสียงเพียงแค่ต้องการเป็นรัฐบาลหาประโยชน์เท่านั้น
“8 พรรค MOU จับมือกันใหมั่นคงคือทางออกที่เป็นจริงตามสถานการณ์ที่ สว.ยังมีอิทธิพลชี้ขาดนายกฯได้ หากยังจะข้ามขั้วตั้งรัฐบาลแล้ว บ้านเมืองจะเผชิญวิกฤตฉิบหาย ประชาชนจะออกมาต่อต้านเต็มถนน ประเทศย่อมพัง และพรรคทรยศประชาชนจะวอดวายด้วย”นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย