“อนุสรณ์” โต้กลับ “ณัฐชา” ความกลัวทำให้เสื่อม แนะหาเวลาถอดบทเรียน เชื่อ “เพื่อไทย” จะตัดสินใจให้ดีที่สุด วอนเลือกนายกฯ 4 ส.ค.ยึด ปย.ชาติ-ประชาชน ย้ำชัดจุดยืน”เศรษฐา” ไม่เอามาตรา 112
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.66 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ พรรคก้าวไกล ไม่โง่ ตามเกมสกปรก ลักหลับ บีบ 151 เสียงโหวต ว่า น่าเสียดายที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกิน 376 เสียง ถ้าสามารถทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกป่านนี้ประเทศไทยคงได้คณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศแล้ว ใครจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ลืมว่า 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย โหวตให้นายพิธา 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่มีแตกแถวแม้แต่เสียงเดียวทุกครั้ง แม้ถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยมีที่นั่งห่างจากพรรคก้าวไกลเพียง 8 ที่นั่ง และมีแนวโน้มที่ระยะห่างจะใกล้เข้ามาอีก แต่พรรคเพื่อไทยก็สนับสนุนพรรคก้าวไกลด้วยดีมาตลอด แม้แต่กรณีโหวตรองประธานสภาจากพรรคก้าวไกลก็ 141 เสียงเต็มพิกัด ความกลัวทำให้เสื่อม
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า อย่ามัวแต่ฟาดงวงฟาดงา ถ้าพอมีเวลาลองไปถอดบทเรียนจากผลนิด้าโพลที่ชี้ประชาชนมองพรรคก้าวไกลผิดพลาด เพราะไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย ไม่ใช่ไปโทษทุกคน แล้วตัวเองไม่ยอมปรับตัว สิ่งใดทำผิดก็ปรับแก้ทำใหม่ ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยมีใครพูดว่าหลังเลือกตั้งจะโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีแม้แต่คนเดียว แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาเป็นแบบนี้ แม้กองเชียร์แฟนคลับพรรคเพื่อไทยจำนวนมากจะไม่สบายใจ แต่ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทยก็โหวตให้นายพิธา เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง พรรคก้าวไกลเคยเสนอ สส.ซีกพรรครัฐบาลเดิม ต้องเคารพฉันทามติจากประชาชน โหวตเลือกพิธาเป็นนายกฯ เพื่อปิดสวิตซ์สว.แล้วกลับไปเป็นฝ่ายค้าน ทำไมพอจะโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยบ้าง ถึงสร้างเงื่อนไขขึ้นมา
“ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหาเลย เพียงแต่จะนำข้อหารือจากพรรคการเมืองต่างๆเข้าสู่ที่ประชุม 8 พรรคให้ได้ร่วมกันตัดสินใจ ไม่ควรมีใครใช้วิธีขอเสียงสนับสนุนไป ด่าไป เราจะขอเสียงจากเขา โดยไม่คุยกับใครเขาเลยได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์ที่มีข้อจำกัด ขอให้เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ”นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ระบุ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ควรย้ำจุดยืนให้ชัด แก้-ไม่แก้ ม.112 ว่า น่าเสียดายที่ประชาชนไปเลือกตั้งมาจะครบ 3 เดือน ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรีมาทำงานแก้ไขปัญหาวิกฤตให้ประเทศ การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปขอให้ทุกฝ่ายยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ไม่ควรมีใครสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส นายเศรษฐา ยืนยันอย่างชัดเจนว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม และส่วนตัว ยอมรับการแก้มาตรา 112 ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ พรรคที่จะเสนอนายกฯ ครั้งต่อไปต้องไม่มีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา112 ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. และจากหลายๆ พรรค
“ประชาชนเห็นจุดยืนของนายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ที่จะไม่ยกเลิก ไม่แก้ไข ม.112 ชัดเจน ผลสำรวจ100 ซีอีโอ ระบุชัด ประเทศไทย ต้องไปต่อ ไม่ควรรอ 10 เดือน โอกาสครั้งสำคัญที่สส.สว.จะนำพาประเทศออกจากวิกฤต มาถึงแล้ว” นายอนุสรณ์ กล่าว