วันเสาร์, พฤศจิกายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightอัด‘เพื่อไทย’ล้มละลายทางความเชื่อถือ! หลัง‘สะบั้นรัก’จัดตั้งรัฐบาลไม่มี‘ก้าวไกล’
- Advertisment -spot_imgspot_img

อัด‘เพื่อไทย’ล้มละลายทางความเชื่อถือ! หลัง‘สะบั้นรัก’จัดตั้งรัฐบาลไม่มี‘ก้าวไกล’

นักวิชาการชี้ เพื่อไทย “ล้มละลายทางความเชื่อถือ” หลังสะบั้นรัก ตั้งรัฐบาลโดยไม่มีก้าวไกล

เมื่อวันที่ 3 ส.ค.66 รายการ “โหนกระแส” วันนี้พูดถึงกระแสการเมือง หลังเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยออกมาแถลงแยกทางกับพรรคก้าวไกล ฉีก MOU 8 พรรคร่วมเดิม ขอไปจัดตั้งรัฐบาลเองโดยไม่มีพรรคก้าวไกล ขณะที่ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณารับคำร้องปมเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 หรือไม่ ออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค.66 ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประฐานรัฐสภา เปิดเผยว่า ได้สั่งเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.นี้ออกไปก่อน

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองว่า สถานการณ์ที่เพื่อไทยออกมาแถลงเมื่อวานนี้ เชื่อว่าทุกฝ่าย แม้กระทั่งพรรคก้าวไกล ก็มองเห็นล่วงหน้ามาสักระยะแล้ว เพราะท่าทีของ สว. ท่าทีของพรรคต่างๆ ฝ่ายต่างๆ ที่ยืนกรานไม่ให้มีพรรคก้าวไกลในรัฐบาล ล้วนนำมาสู่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ว่าต้องตัดพรรคก้าวไกลออกจากสมการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พรรคเพื่อไทย “ล้มละลายทางความเชื่อถือ” เพราะการตัดพรรคที่ได้อันดับ 1 ออกจากสมการตั้งรัฐบาล ย่อมเกิดผลกระทบตามมา จะเห็นว่า การเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ล้วนมีฐานจากความรู้สึกอัดอั้นตันใจของประชาชน อย่างการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยได้อันดับ 1 มาตลอดหลายครั้งที่ผ่านมา ก็ล้วนเกิดจากความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องเจอการรัฐประหาร เกิดจากการชุมนุมต่างๆ ที่ประชาชนใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการตอบโต้ฝ่ายอำนาจ เลือกคนที่เขาต้องการเข้ามาทำงาน

รศ.ดร.ยุทธพร ยังมองอีกว่า การไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับ พลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งแต่สเต็ปแรกอาจจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้พรรคเพื่อไทยล้มละลายทางความเชื่อถือไปแล้ว การจะไปจับมือกับพรรคสองลุงตั้งแต่แรก มันเป็นผลเสียมากกว่า ต่อให้อ้างว่า พล.อ.ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) และพล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) ไม่อยู่แล้ว แต่คนก็ยังมองอย่างชัดเจนอยู่ดีว่า ทั้งสองพรรค ก็คือตัวแทนของสองลุง ซึ่งในสเต็ปต่อไป หลังตั้งรัฐบาลได้แล้ว หลังโหวตนายกเสร็จไปแล้ว รทสช. และ พปชร. จะไหลมารวมทีหลังหรือไม่นั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ อาจจะมีการใช้ “ไพบูลย์โมเดล” ยุบพรรค แล้วให้ สส.ในพรรคไหลมารวมทีหลัง ก็ยังมีความเป็นไปได้

ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. มองว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยวาดภาพไว้ สวยงามเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ คือหลังผลักพรรคก้าวไกลออกไป แล้วจะได้เป็นรัฐบาล ได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แต่ความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เริ่มจากบรรดาพรรคร่วม เชื่อได้ว่าต้องมีการต่อรองกันเรื่องกระทรวงต่างๆ แม้แต่ สว.เอง ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะยกมือโหวตให้นายเศรษฐา 100 เปอร์เซ็นต์ มันยังต้องมีเรื่องที่ต้องพิสูจน์อีกมากมายหลายเรื่อง ขณะที่อารมณ์ของมวลชนนอกสภา ก็ร้อนระอุขึ้นไปเรื่อยๆ

รศ.ดร.ยุทธพร บอกว่า สิ่งหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยลืมไม่ได้คือ ณ วันนี้ พวกเขาไม่ได้ผูกขาดเสียงในหีบเลือกตั้งอีกแล้ว แล้วยังมาเจอเกมการเมืองที่บีบให้เขาต้องเล่นเกมต่อรองต่างๆ ตามเกมที่ขั้วเดิมวางไว้อีก อย่าลืมว่าตอนนี้ แคนดิเดตนายกฯเหลือใช้งานได้จริงแค่ 4 คน ฝั่งละ 2-2 คือ “เพื่อไทย” มีเศรษฐากับอุ๊งอิ๊ง ขณะที่ “ขั้วเดิม” มี อนุทิน กับ พล.อ.ประวิตร ไหนจะมีโจทย์จาก สว. ที่เขาตั้งโจทย์ใหม่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขาอยากได้ใครเป็นนายกกันแน่ โจทย์เหล่านี้เป็นโจทย์ที่บีบเพื่อไทยให้ขยับตัวได้ยากเหลือเกิน

นายสมชัย ยังพูดถึงประเด็นเรื่องการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ กว่าจะได้โหวตจริงๆ ก็หลังวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งยังอีกหลายวัน กว่าจะถึงวันที่ได้โหวต นายเศรษฐามีเวลาไตร่ตรอง ว่าเขาอยากจะมาเป็นนายกฯจริงหรือไม่ มันคุ้มหรือไม่คุ้ม อะไรก็ยังไม่แน่ไม่นอน อย่างกรณีของการที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมาแฉ ออกมาเปิดแผลนายเศรษฐาในวันนี้ ไม่มีผลต่อการโหวตนายกฯในสภา เพราะ สว.เขามีธงในใจอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากโหวตนายเศรษฐาอยู่แล้ว เขาอาจจะเอาข้อมูลที่นายชูวิทย์พูด ยกขึ้นมาเป็นประเด็นอภิปรายนายเศรษฐาในวันโหวตนายกฯก็ได้ แต่ถ้า สว.จะโหวตให้อยู่แล้ว สิ่งที่นายชูวิทย์พูดในวันนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะยังไงเขาก็โหวต ส่วนเรื่องการแฉการหลบเลี่ยงภาษี ที่นายชูวิทย์หยิบยกมาพูด จริงๆ ตามหลักต้องไปร้องกับสรรพากร แล้วสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง จะปรับอย่างไรก็ตามขั้นตอนไป แต่การออกมาแฉแบบนี้ไม่ได้มีผลอะไร

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ โฟนอินเข้ามาในรายการ ชี้ให้เห็นว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์คือ วันที่ 4 ส.ค. ยังไม่ได้นายกฯ วันที่ 10 นายทักษิณ ชินวัตร ก็ยังไม่ได้กลับมา แล้วการที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณาออกไป จนส่งผลต่อการเลื่อนโหวตนายกฯ รวมทั้งพรรคเพื่อไทยที่จะต้องแถลงรายชื่อพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

“การเลื่อนแถลงของเพื่อไทย เป็นการเลื่อนเวลาของหายนะออกไป เพราะการแถลงพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล มันต้องการเสียงจากพรรคขั้วตรงข้าม ไอ้ที่ดีลกันมา ต่อรองกันมา จนเหมือนว่ามันง่ายดายเหลือเกิน เอาเข้าจริงมันก็จะค่อยๆ ยากขึ้น อำนาจต่อรองที่เพื่อไทยมีก็จะค่อยๆ น้อยลงไป เหมือนกับการได้กลับบ้านของคุณทักษิณ ก็จะค่อยๆ ห่างไกลความจริงออกไป การตัดสินใจตระบัดสัตย์ของเพื่อไทยในครั้งนี้ เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ที่ประชาชนซึ่งเป็นผู้รักและสนับสนุนในพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง ไม่อาจยอมรับได้ อาจจะยังมีแฟนคลับที่ยังสนับสนุนอยู่ให้พรรคสบายใจ แต่การข้ามไปจับมือกับพรรคอย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ จะทำให้เขาสูญเสียความศรัทธาจากประชาชนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง”นายจตุพรกล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img