“นพดล” มั่นใจ “เพื่อไทย” เดินหน้า เสนอ “เศรษฐา” ให้รัฐสภาเห็นชอบนั่งนายกฯ ยันไร้ปัญหาเรื่องจริยธรรม เชื่อสมาชิกรัฐสภา แยกแยะได้
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 ที่รัฐสภา นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯให้สภาเห็นชอบต่อไป เนื่องจากไม่มีประเด็นผิดจริยธรรมใดๆ การออกมากล่าวหาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดเลี่ยงภาษีล้วนไม่เป็นความจริง เนื่องจาก
1.เดือนธันวาคม 2561 ผู้ขาย 12 คนได้กรรมสิทธิ์มาจากบริษัทคนละวัน (ขาเข้า) ซึ่งประกาศกรมสรรพากรปี 2543 ระบุถ้ามีการขายให้เสียภาษีตามรายได้ของแต่ละคนแยกจากกัน
2.การได้กรรมสิทธิ์แยกกันเป็นการวางแผนภาษีของผู้ขาย ที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2561 เสร็จสิ้นก่อนโอนขายให้แสนสิริในเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งแสนสิริไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสมรู้ร่วมคิดในการใดที่ไม่ชอบมาพากล
3.การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้ขายให้แสนสิริ (ผู้ซื้อ) ในเดือนสิงหาคม 2562 (ขาออก) ผู้ขายจะโอนให้แสนสิริวันเดียวกันหรือโอนคนละวันแยกกัน ก็ไม่ทำให้ภาระภาษีเเตกต่างกัน ยังคงต้องเสียภาษีตามเงินค่าที่ดินของแต่ละคนที่ได้รับมา ในทำนองเงินของใคร คนนั้นก็เสียภาษี ไม่เกี่ยวกับแสนสิริใดๆ ทั้งสิ้น
“นักศึกษากฎหมายปี 1 ดูก็รู้ว่า มันเป็นการวางแผนภาษีของผู้ขาย ที่เกิดขึ้นก่อนจะขายให้แสนสิริ และไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ซื้อคือแสนสิริหรือนายเศรษฐาเลย ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายชัดเจนว่า นายเศรษฐาไม่ผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆ เลย การพยายายามวาดภาพทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมือง ล้ำเส้นไปมาก ทำให้นายเศรษฐาเสียชื่อเสียง ทั้งๆ ที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น ในช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อให้รัฐสภาเห็นชอบ มันไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ท้าทายหลักนิติธรรม และมโนสำนึกของผู้กล่าวหา ขอให้หยุดสร้างมาตรฐานจริยธรรมเทียม ตนเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภา (สส.-สว.) มีความรู้แยกแยะได้ว่าข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่”
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ส่งทนายฟ้องกลับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นั้น นายนพดล กล่าวว่า เป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แสดงให้เห็นว่ายังสู้ ไม่ได้เป็นการปิดปากนายชูวิทย์แต่อย่างใด