สะพัด!! ครม. “เศรษฐา 1” 314 เสียง ไร้เงา “บิ๊กป้อม” ส่ง “พัชรวาท”นั่งรองนายกฯแทน สูตร ส.ส.9 คนได้ 1เก้าอี้ “พท.” ได้ 16 เก้าอี้ กินรวบ ก.เศรษฐกิจ ส่วน “ภท.” แนวโน้มงานด้านสังคม – สธ. ได้ 4 ว่าการ 4 รมช. 8 เก้าอี้ ด้าน ‘พปชร.” ได้ 2 รมว. + 3 รมช. คาด “ผู้กองธรรมนัส”นั่ง รมช.มหาดไทย ส่วน “สันติ”เบียด “ลูกท็อป” ที่ ทส. ส่วนพรรค ‘รทสช.’ 4 เก้าอี้ เล็ง ก.พลังงาน หึ่ง อดีตปลัดพลังงาน นั่งแท่นเสนาบดี
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดในการเจรจาร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ จะปิดดีลที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นพรรคสุดท้าย รวม 314 เสียง โดยจะไม่มีพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งเสียง 314 เสียงประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย (สร.) 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง
โดยทั้ง 314 เสียง จะร่วมโหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคเล็กๆ ที่เริ่มประกาศจะสนับสนุน อาทิ 1 เสียงของนายสุรทิน พิจารณ์ สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง ของนายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ตรงนี้จะยังไม่เอามานับรวม เพราะไม่แสดงความชัดเจนแต่แรก
ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาล จะมีจำนวนเสียง 314 เสียง ซึ่งถือว่ามีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร และจะต้องหาเสียง สว.มาสนับสนุนอีก 60 เสียง จะเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือ 374 เสียง ในการโหวตนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับในการเจรจาแบ่งสัดส่วน ครม. คือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 35 คน ขณะนี้ยังเป็นเพียงการแบ่งสัดส่วนโควตาตามจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคเท่านั้น ยังไม่ได้มีการระบุกระทรวง โดยภาพรวมพรรคเพื่อไทยจะดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด อาทิ กระทรวงการคลัง คมนาคม พาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ พลังงาน รวมถึงกระทรวงด้านสังคมคือ มหาดไทย ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น
การแบ่งรัฐมนตรีเบื้องต้น จะเป็นสัดส่วนดังนี้ พรรคเพื่อไทย 16 เก้าอี้ พรรคภูมิใจไทย ได้รองนายกรัฐมนตรี รมว. 4 เก้าอี้ รมช. 4 เก้าอี้ พรรคพลังประชารัฐ จะได้รองนายกรัฐมนตรี รมว. 2 เก้าอี้ รมช.3 เก้าอี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รมว.2 เก้าอี้ รมช.2 เก้าอี้ ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ จะได้ รมว.พรรคละ 1 เก้าอี้ โดยใช้สูตร สส. 9 คนได้ 1 เก้าอี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการตั้งบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ในส่วนพรรคภูมิใจไทย คาดว่า จะดูแลงานสังคม และแนวโน้มจะได้ดูกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม และอาจได้เก้าอี้ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม.) อุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และวัฒนธรรม ขณะที่พรรค ชทพ.ยังยืนยันจะขอดูกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ส่วนพรรคประชาชาติ คาดว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค เป็นรมว.ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม การต่อรองตัวกระทรวงยังไม่ลงตัวนัก โดยพรรค รทสช.ต้องการกระทรวงพลังงานที่พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการ ซึ่งแคนดิเดต รมว.พลังงานของพรรค รทสช. คือ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน
รายงานข่าวแจ้งว่าท ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้น ได้ 3 รมช. โดยคาดว่า 1 ในนั้นคือ รมช.มหาดไทย ซึ่งแนวโน้มจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ต้องการจะดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แม้ว่า พรรค ชทพ.ต้องการเก้าอี้ รมว.กระทรวงนี้ และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการเช่นเดิม ส่วนพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะควบตำแหน่งอะไรหรือไม่ โดยรายชื่อกระทรวงจะมีความชัดเจนหลังจากโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นลง ซึ่งแต่ละพรรคก็ต้องไปจัดตามความเหมาะสมและเงื่อนไขปัจจัยของและพรรคต่อไป
“จากการพูดคุยเป็นที่แน่นอนว่าบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จะไม่มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงจะไม่มีบรรดาแกนนำ กปปส. เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี “เศรษฐา 1” ด้วย” รายงานข่าว ระบุ