“สว.” ปล่อยข่าว “พท.” ส่ง “ชัยเกษม” ชิงนายกฯ ลุ้น “เศรษฐา” ผ่าน 50:50 พร้อมแบไต๋ชงญัตติเรียวโชว์กึ๋น-แจงปมที่ดิน-นอมินี
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.66 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่อาจมีการเปลึ่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยว่า ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวบางประการ ที่มีการสแตนบายด์ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯอีก 2 คนของพรรคเพื่อไทยไว้แล้ว สว.จึงต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช่นายเศรษฐาหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อเป็นน.ส.แพทองธารหรือนายชัยเกษมแล้วมาแจ้งสภา ในวันที่ 21 ส.ค.หรือ 22 ส.ค. สว.จะตรวจสอบคุณสมบัติ 2 คนนี้ทันหรือไม่ ถ้าสว.ไม่ได้ตรวจสอบ อาจไม่โหวตให้ ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากสว.หลายคนว่า จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นนายชัยเกษม อยากให้ยืนยันเรื่องนี้ จะได้ตรวจสอบทัน ไม่ใช่มาบอกวันที่ 22 ส.ค. ดังนั้นภายในวันที่ 21 ส.ค.ขอให้พรรคเพื่อไทยนำแคนดิเดตนายกฯ พร้อมนำแกนนำทุกพรรคการเมืองที่จะจับมือร่วมรัฐบาล ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคยิ่งดี มาแถลงข่าวเปิดตัวให้ชัดเจนว่า ใครคือแคนดิเดตนายกฯที่จะถูกเสนอชื่อ มีพรรคร่วมรัฐบาลใดบ้าง มีพรรค 2 ลุงหรือไม่ และมีนโยบายฝ่าวิกฤติ สร้างความปรองดองอย่างไร
“ถ้ามีผู้ใหญ่ระดับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมแถลง จะได้เกิดความสบายใจว่าความขัดแย้ง 2 ขั้วจะเปลี่ยนเป็นความสมานฉันท์” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อนายเศรษฐา ก็อยากให้เจ้าตัวมาแสดงวิสัยทัศน์วันที่ 22 ส.ค.นี้ เพื่อตอบข้อสงสัยต่างๆ จะเป็นข้อได้เปรียบที่สว.จะโหวตให้อย่างสบายใจ ที่ผ่านมา นายเศรษฐาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กและคลิปอย่างเดียว ยังไม่ละอียดพอ ไม่สามารถตอบเรื่องการให้รปภ.และแม่บ้านเป็นนอมินีได้ มัวแต่พูดประเด็นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่พอใจนายเศรษฐา เพราะไม่ยอมซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ ดูแล้วเป็นประเด็นนอก แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องนอมินี ซึ่งนายเศรษฐาควรมาชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดเจน แม้ข้อบังคับการประชุมไม่บังคับให้ผู้ถูกเสนอชื่อมาแสดงวิสัยทัศน์ แต่ไม่แน่ว่าสว.อาจเสนอญัตติต่อที่ประชุม ให้นายเศรษฐามาแสดงวิสัยทัศน์ ถ้าฝ่ายสส.คิดว่าไม่จำเป็น อาจเป็นข้อเสียเปรียบนายเศรษฐาเอง ขณะนี้น่าประหลาดใจที่วันที่ 22 ส.ค. มีสส.ก้าวไกล ขออภิปรายแค่ 2 คน 30 นาที พรรคใหญ่แทบจะไม่มีใครขออภิปรายเลย พรรคเล็กขออภิปรายคนละ 7 นาที ส่วนสว.ขออภิปราย 2 ชม. ดูแล้วฝ่ายสส.อภิปรายแค่ 30-60 นาทีก็จบแล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจน พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้เสียงตั้งรัฐบาลมี 314 เสียง ขาดอยู่ 60 กว่าเสียง ทำให้สว.ที่ไม่มีเงื่อนไขแก้มาตรา 112 จะโหวตให้ รวมถึงสว.ที่บอกจะโหวตให้พรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ สว. 2 กลุ่มนี้มีอยู่ 20 กว่าคน เมื่อรวมกับกลุ่มสว.ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วก็อาจโวตเพิ่มให้ รวมแล้วคงได้เสียงใกล้เคียง 60คน
“แต่อาจมีสว.บางส่วนยังติดใจคุณสมบัตินายเศรษฐาที่ยังชี้แจงข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินได้ไม่ชัดเจน อาจไม่โหวตให้ โอกาส ณ ตอนนี้อยู่ที่ 50-50 ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการช่วง 2-3 วันนี้ของพรรคการเมือง แต่โอกาสมีมากขึ้นกว่าตอนเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ”นายสมชาย กล่าว