‘นายกฯ’ลงพื้นที่เชียงราย ชี้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ เพราะถือเป็นจุดการค้าระหว่างประเทศ และหลังกลับจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะไปประชุมกันกับทุกภาคส่วน ให้นโยบายว่าต้องลดการใช้ยาเสพติดลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ
เมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 15 ก.ย.66 ที่ด่านแม่สายจังหวัดเชียงราย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ว่า วันนี้มารับฟังปัญหาปัญหาหลายๆด้าน ซึ่งแบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ คือ 1.เรื่องการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการหอการค้าว่าอยากให้มีการลงทุนในหลายรูปแบบ โดยตนได้เสนอแนะไปว่าจะต้องมีการตั้งคณะทำงานระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ และเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่สามารถทำได้ เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ
นายกฯกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่และสำคัญมากในรัฐบาล คือปัญหายาเสพติดตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่เพราะถือเป็นจุดการค้าระหว่างประเทศ เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหรือสารตั้งต้นถูกลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องอาศัยการถกกันในหลายภาคส่วน ตนได้สั่งการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปแล้ว โดยหลังกลับจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะไปประชุมกันกับทุกภาคส่วน และให้นโยบายว่าต้องลดการใช้ยาเสพติดลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3 ที่ได้คุยกันคือเรื่องของชาติพันธุ์ และเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญ ตรงนี้เป็นปัญหาไม่ใช่แค่ชาติพันธุ์อย่างเดียว แต่ก็ยังเป็นปัญหากับคนไทยในหลายครอบครัว ที่ครอบครองที่ดินมาแล้วยังไม่ได้รับการแจกเอกสารสิทธิ์ ซึ่งทางพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงมาในพื้นที่ครั้งนี้ด้วย จึงได้มีการพูดคุยกันในหลายภาค และเรื่องที่ 4 เรื่อง ปัญหา PM 2.5 ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องจัดการแก้ไข โดยพล.ต.อ.พัชรวาทได้ร่างเอาไว้แล้วถึงวิธีการบริหารจัดการ ในเรื่องนี้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงไฮซีชั่นในเรื่องของการท่องเที่ยว จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และเรื่องของสัญชาติเราจะไปดำเนินการทันที
เมื่อถามว่า มีรายงานตัวเลขของปัญหายาเสพติดในพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มี แต่จำตัวเลขไม่ได้เยอะมาก รู้สึกว่าจังหวัดเชียงรายจะลดลง แต่จะไปเพิ่มทางอีสานแทน
เมื่อถามอีกว่า มีการพูดถึงเรื่องฟรีวีซ่า ให้กับเมียนมาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยัง เพราะจะต้องมีเรื่องของความมั่นคงด้วย อาจจะมีการทำ โดยมาขอวีซ่าตรงด่านได้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้การค้าระหว่างชายแดนไทย-เมียนมาดีขึ้น เพราะยอดการค้าอยู่ที่ตัวเลข 9 หมื่นล้านบาทต่อปี และศักยภาพน่าจะไปได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตามเวลาแก้ไขปัญหาก็ต้องดูเป็นเรื่องๆกันไป เพราะปัญหามีหลายมิติ แต่เรื่องการค้าชายแดนเราเห็นว่าเป็นเรื่องบวกที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงกรณีญาติของคนไทย 300 คนที่ที่ถูกหลอกไปทำหน้าทีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาร้องขอให้ช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศ ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวปฏิเสธว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบเรื่อง