“เรืองไกร” ร้องผู้ตรวจการฯ สอบ “นายก” ปมแถลงนโยบายรบ.ขัดรธน. 162 หรือไม่ พร้อมร้องกกต. สอบ “พลพีร์”ถือหุ้น RS ขัดรธน.ม. 101 (6) ประกอบ ม. 98 (3)
วันที่ 19 ก.ย. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ ประมาณ 14.30 น. ตนจะไปที่ศูนย์ราชการ อาคาร B เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการแถลงนโยบาลรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายนั้น จะมีผลทำให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลถือเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า มาตรา 162 บัญญัติบังคับเงื่อนไขในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไว้ 4 ส่วน คือ 1.ต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ 2.ต้องสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ 3.ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 4.ต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย จากเอกสารมติ ครม. , วาระประชุมรัฐสภา เห็นได้ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ไว้ชัดเจน แต่กลับแถลงนโยบายโดยระบุเฉพาะเรื่องหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ เท่านั้น โดยไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย ให้ครบถ้วนตามความในมาตรา 162 ไว้แต่อย่างใด
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ย่อมรู้อยู่แล้ว เพราะเคยยื่นญัตติอภิปราย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาก่อนแล้ว โดยกล่าวหาว่า นายกฯ ประยุทธ์ แถลงนโยบายโดยไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย เข่นกัน การแถลงนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.162 จึงอาจทำให้การทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่ชอบ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 5 และมาตรา 161 และยังเป็นการละเมิดสิทธิของบุคคลเพราะเสียสิทธิที่จะได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวด้วย เรื่องนี้ ตนจึงจะใช้สิทธิตามกฎหมายไปยื่นหนังสือร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนจะไปยื่นหนังสือที่ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบนายพลพีร์ สุวรรณฉวี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งในวันที่ 4 ก.ค. 2566 โดยนายพลพีร์ ระบุว่า มีเงินลงทุนใน RS จำนวน 24,000 หุ้น เมื่อตรวจสอบในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า RS เป็นชื่อย่อ ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลว่า บริษัท RS ทำธุรกิจสื่อด้วย ซึ่งควรอยู่ในความหมายของคำว่า “สื่อมวลชนใดๆ” ตามความในรัฐธรรมนูญ ม.98 (3)
“การถือหุ้น RS ดังกล่าว จึงอาจทำให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายพลพีร์ สุวรรณฉวี สิ้นสุดลง ตามความในรัฐธรรมนูญ ม. 101 (6) ประกอบ ม. 98 (3) ตามมาได้ ตนจึงจะไปยื่นหนังสือขอให้ กกต. รีบตรวจสอบต่อไป” นายเรืองไกร กล่าว