“ชลน่าน”ยันตั้งเมียเป็นที่ปรึกษาไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีเงินเดือน อาสามาทำงานแบบอุทิศตน และไม่สั่งการข้าราชการ ย้ำมีความเหมาะสม
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแต่งตั้งพญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ ภรรยา เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า จริงๆ ไม่ต้องชี้แจงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีการชี้แจงค่อนข้างเยอะในเพจของตน และเพจส่วนตัวของคุณหมอนวลสกุล แต่ในมุมของการบริหาร ในฐานะที่ตนเป็นผู้แต่งตั้งนั้น อาจจะมีคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาไม่ว่ายุคไหน สมัยใด ถ้ามีผู้บริหารที่ได้อำนาจรัฐมา แล้วมีการแต่งตั้งญาติ หรือคนใกล้ชิดเข้ามามักจะถูกเพ่งเล็งในมุมว่า จะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ตนก็คำนึงถึงเรื่องนี้พอสมควรก่อนจะตั้งพญ.นวลสกุล เป็นที่ปรึกษา แต่ดูเนื้องาน ดูผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ความรู้ความสามารถ เรื่องความเหมาะสมเลยตัดสินใจ ซึ่งตนใช้คำว่าลงทุนในเรื่องนี้ เพราะ 1.ที่ปรึกษาไม่ใช่ตำแหน่งข้าราชการการเมือง ไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีเงินเดือน แต่เข้ามาเพราะอาสาเข้ามาทำงานการเมืองแบบอุทิศตน 2.งานที่ต้องการปรึกษานั้นมีความจำเพาะ โดยเฉพาะงานที่ต้องการปรึกษาที่ปรึกษาท่านนี้คือ เรื่องการสื่อสารสุขภาพ และด้านการเมือง ซึ่งพญ.นวลสุกล มีประสบการณ์เคยเป็นผอ.กองสารนิเทศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2534 มีโอกาสทำเรื่องการสื่อสารในสื่อต่างๆ
“และที่สำคัญช่วงที่ผมทำหน้าที่เป็น ส.ส. เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภา คุณหมอก้อยมีผลงานทำหน้าที่สื่อสารทางการเมืองให้ผม 3 ตำแหน่งนี้ ถามว่าผลเป็นอย่างไร อันนี้ตอบยาก แต่ว่าทำให้ผมยืนอยู่ตรงนี้ได้บนกระแสที่ไหลบ่าในโซเชียล การประณามหยามเหยียด การเหยียบย่ำ พูดง่ายๆ รถทัวร์ แต่การสื่อสารทางการเมืองที่หมอก้อยทำ สามารถให้ข้อมูล ชี้แจง ตอบโต้ประเด็นที่เป็นการสื่อสารทางการเมืองเป็นอย่างดี นี่คือศักยภาพและความสามารถ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขที่มีการทำงานที่ดีอยู่แล้ว แต่การเชื่อมโยงมิติทางการเมืองเข้าไปยังไม่ได้เต็มที่ ผมเห็นความสำคัญตรงนี้ เลยให้หมอก้อยมาเป็นที่ปรึกษา ไม่ได้มาสั่งการข้าราชการ ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หน้าที่คือให้คำปรึกษาผ่านว่าการฯ แล้วค่อยนำไปให้ฝ่ายข้าราชการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับการสื่อสารจะดำเนินการทั้งสื่อกระแสหลัก สื่อโซเชียลฯ และสื่อบุคคล อย่างเช่นนโยบาย CareD+ ที่จะเป็นทีมสื่อสารกับญาติผู้ป่วยให้รู้สึกดี เข้าใจการทำงานของบุคลากรการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายควิกวิน (Quick Win) ดังนั้น พอดูกิจกรรมแล้ว คุ้มค่าต่อการลงทุน และที่สำคัญเรามีจุดยึดคือการเป็นผู้ให้เท่านั้น ให้ประเทศ ให้ประชาชน เราจะไม่เป็นผู้รับหรือเอาผลประโยชน์ของชาติ เอาสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทรวงในบทบาทของเรามาเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
“ผู้ที่คอยระแวดระวังให้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง คือคุณหมอก้อย ท่านจะมีสายตา มีทีมงานคอยระเฝ้าดูว่าผมจะได้รับผลกระทบในการทำหน้าที่มากน้อยอย่างไร บุคคลที่จะเข้ามาทำงานกับผม ต้องกรองพอสมควร คนจะเข้ามาต้องคลีนพอสมควร และคุณหมอก้อยก็เป็นคนกรอง เลยมั่นใจว่า ประเด็นเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ตั้งสามีภรรยามากินรวบกระทรวงสาธารณสุข จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน จะมีแต่กำไรของประชาชนในมิติสุขภาพ” นพ.ชลน่าน กล่าว
