“ภูมิธรรม” ตอบกระทู้มั่นใจ “กก.ประชามติ” ไม่ใช่ตรายาง พร้อมซัด “สส.ก้าวไกล” ไม่ควรบังคับรับข้อเสนอ หากคิดแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย ย้ำโรดแมฟ 4 ปี มีรธน.ใหม่-กม.ลูก เดินหน้าเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.66 ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาวาระกระทู้ถามสดเรื่องการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ว่า การทำงานของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 จะทำให้เสียเวลาและเสียงบประมาณ เนื่องจากที่ผ่านมามีผลการศึกษาและมีข้อสรุปร่วมกันว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องดำเนินการจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งประชาชน และเป็นเวลาที่ต้องเดินหน้าสู่การตั้งคำถามประชามติ และการตั้งคณะทำงานเท่ากับการยืมมือคนอื่นเพื่อย้อนหลักการของตนเอง พร้อมกับขอคำยืนยันว่าคณะทำงานจะรับจุดยืนของพรรคก้าวไกล ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา และให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน 100%
โดยนายภูมิธรรม ชี้แจงยืนยันว่า การตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษานั้น เพื่อความรอบคอบ ไม่ให้มีปัญหา ทั้งนี้การดำเนินการนั้น รัฐบาลไม่สามารถมีมติให้ทำประชามติได้ เพราะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนการศึกษาในประเด็นการตั้งคำถามประชามติ คือ กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลเห็นว่าต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจไม่ว่าวิธีใด เบื้องต้นยอมรับว่าจะพยายามทำในแนวทางของ ส.ส.ร. โดยนำความเห็นที่ศึกษาไว้ และพิจารณาความเห็นต่างด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการทำงานของคณะกรรมการ ต้องรับฟังความเห็นประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จ และไม่ถูกตีตกไประหว่างทาง ขณะที่กรอบเวลาในการดำเนินการนั้น วางไว้ 4 ปี ซึ่งรวมถึงการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายใหม่
“ผมยอมรับว่าแม้การศึกษาแก้รัฐธรรมนูญจะมีหลายครั้ง แต่มีรายละเอียดที่เห็นแย้งและแตกตก่างกัน ดังนั้นในการทำงานต้องพยายามรับฟังความเห็นจากทุกพรรคการเมือง ตัวแทนกลุ่มประชาชน เครือข่ายสื่อมวลชน ผมเสียใจที่พรรคก้าวไกลไม่ร่วม ผมเคารพเหตุผล แต่จะไม่ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญสะดุด ซึ่งในอนาคตมีแผนว่าจะคุยกับพรรคก้าวไกลต่อไป”นายภูมิธรรม กล่าว
นายพริษฐ์ ชี้แจงว่า เหตุที่พรรคก้าวไกลไม่ร่วมคณะทำงานด้วยเพราะไม่ต้องการเป็นตรายาง แต่ยินดีให้ข้อเสนอแนะต่อคณะทำงาน อย่างไรก็ดีตนเข้าใจในหลักการการทำงานร่วมกัน แต่หากติดกระดุมเม็ดแรกผิด อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ ตนขอความชัดเจนด้วยว่า หากยืนยันว่าจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ทั้งที่มีประชาชนหรือบุคคลต้องการเสนอแก้ไขข้อความไม่กระทบต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและรูปแบบของรัฐจะอธิบายอย่างไร และ ขอคำยืนยันว่าการยกร่างใหม่ทั้งหมด จะไม่ใช่การแก้ไขรายมาตรา ขณะที่การแก้ไข เช่น ระบบรัฐสภา สภาคู่ สภาเดี่ยว การปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่ล็อควิธีการไว้
นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า การตั้งคณะทำงานที่ดึงทุกภาคส่วน ตัวแทนวิชาชีพ ตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม เพื่อฟังความเห็นให้รอบด้าน คือ การติดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง ซึ่งการทำงานได้วางกรอบไว้ 3 เดือนกรรมการชุดนี้ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่เป็นตรายาง และขอให้ท่านให้เกียรติคนที่เข้ามาทำงานในคณะทำงานด้วย เพราะเป็นคนที่มีชื่อเสียง อดีตกรรมการการเลือกตั้ง คณบดี นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนวิชาชีพ ส่วนที่บอกให้รับรองและยืนยันกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอเท่านั้น ผมมองว่าไม่ควรเป็น เพราะการทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ต้องไม่อยู่ภายใต้ 2 ประเด็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น ซึ่งการคุยเพื่อทำความเข้าใจเป็นทางที่ดี เพื่อแก้ปัญหาประเทศไม่สร้างขัดแย้งใหม่ เพราะหากมีพรรคอื่นต้องการให้ยึดข้อเสนอด้วยจะเกิดความขัดแย้งได้ ดังนั้นหากจุดร่วมและผลักดันเป็นทางที่ดีเป็นกระดุมเม็ดแรก และต้องจบ โดยรัฐธรรมนูญต้องผ่าน จะไม่เสนอเพื่อให้ตกไป” นายภูมิธรรม กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ข้อเสนอที่ให้ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ถือเป็นการเปิดให้ตัวแทนของทุกชุดความคิดมีส่วนร่วม ส่วนที่กังวลว่าจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญร่วม ตนมีข้อเสนอคือ ส.ส.ร. สามารถตั้งผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำ หรือยกร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่เมื่อดำเนินการแล้วต้องผ่านเห็นชอบ จาก ส.ส.ร.