“สมชาย” บี้ “เศรษฐา” เลิกดันทุรังแจกเงินดิจิตอล เตือนระวังเรื่องหายนะทางการเงิน ชี้ไม่ต่างจากนโยบายรับจำนำข้าว แฉจ้างทุนเทาเจ๊งคลิปโตมาทำ “Super App” ถลุงงบ 1.2 หมื่นล้านต่อปี เตือนความจำบทเรียนอดีตนายกฯหนีไปต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.66 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงโครงการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทว่า สิ่งที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง สัญญาว่าจะให้ไว้ เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยก็จริง แต่ต้องรับฟังความเห็นต่างจากนักเศรษฐศาสตร์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), อดีตรมว.การคลัง และนักวิชาการ และเท่าที่ทราบยังไม่มีเสียงของคนกลุ่มนี้ ออกมาสนับสนุนโครงการดังกล่าวว่าจะได้คุ้มเสียอย่างไร สิ่งที่ทุกคนออกมาเตือนคือจะเกิดหายนะทางการเงิน เป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ยังไม่เคยได้ยินเสียงชี้แจงจากรัฐบาลเลย
“ผมตั้งคำถามกับโครงการนี้เยอะ ทั้งแหล่งเงิน เพราะข้อเท็จจริงคือเราไม่มีเงินแล้ว จะหาเงินตรงนี้มาจากไหน ทำไมถึงไม่แจกเงินสด อย่างตรงไปตรงมา ทำไมจะต้องแจกทุกคน เศรษฐี มหาเศรษฐี คนชั้นกลาง ข้าราชการ สส. สว. นักเล่นหุ้น 3 ล้านกว่าคน รับเงินตรงนี้ด้วยหรือ มันถูกต้องหรือไม่ เพราะรัฐบาลเคยประกาศว่า จะแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ แต่โครงการแจกเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต ไม่ใช่ เพราะการแก้ปัญหาความยากจนต้องแก้แบบพุ่งเป้าไปกลุ่มที่ต้องการ สิ่งที่สำคัญคือ ทำไมต้องสร้างบล็อกเชนใหม่ ทำไมไม่ใช้แอปพลิเคชันที่มีอยู่แล้ว หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ เพราะมีรายงานว่า การทำ “Super App” มันต้องใช้เงินอย่างน้อย 12,000-20,000ล้านบาท”นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจเรากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำเป็นจะต้องใช้การอัดฉีดสเตอรอยด์ให้กับคนไข้แบบนี้ เพราะเป็นการกระตุ้นมากเกินไป มันมี 2 อย่าง ไม่ตายก็หายแบบชั่วคราว ไม่มีทางฟื้นแบบถาวร ตนตั้งคำถามกับดิจิตอลหลายเรื่อง แต่ยังไม่พูดถึงข้อคำนึงที่บอกว่า มีคนบางส่วนไปเจ๊ง ดิจิทัล วอลเล็ท หรือคลิปโตมา พยายามที่จะไปมีผลประโยชน์ กับค่าจ้างการทำ บล็อกเชน 12,000 ล้านบาทต่อปี ตัวแอปพลิเคชันใหม่ เพราะมันใหญ่ที่สุดในโลก ต้องใช้กับคน 56 ล้านคน รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่า บล็อกเชน ใครเป็นคนคุม เม็ดเงินสุดท้ายที่จะเบิกออกมา ใช่มาเฟียทุนเทาหรือไม่ ใช่คนที่มีผลประโยชน์จากแอพดิจิตอลเหล่านี้หรือไม่ เท่าที่ทราบตอนนี้ราคารับซื้อ 10,000 บาท เอาเงินสด 7,000 บาท และอาจจะมีมาเฟียที่ทำเกี่ยวกับพนันออนไลน์ แปลงเงินดำเป็นขาวเข้ามาซื้อ แล้วมาเบิกกับรัฐ ซึ่งตรงนี้มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า โครงการนี้ไม่ต่างอะไรจากโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจะย้อนกลับไปดูนโยบายของพรรคเพื่อไทย เรื่องเงิน 1 หมื่นบาทให้ชัดเจน ว่าใช้เงินอะไร เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่ หากเข้าข่ายอาจกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง นำไปสู่การร้องดำเนินคดียุบพรรคเพื่อไทยได้ เท่าที่ทราบตอนนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ กกต. ตั้งกรรมการติดตามเรื่องนี้แล้ว
“ยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล เราศึกษาและตรวจสอบแล้ว ถ้าบอกตอนนี้ได้ก็คือเลิกเถอะครับ อย่าดันทุรังเรื่องนี้ หยุดโครงการนี้แล้วเอา 5.6 หมื่นล้านบาท ที่ท่านจะใช้ และตั้งไว้แล้วให้คิดใหม่ว่าจะทำอะไรให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เราจะเห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้ที่มีความรู้ออกมาคัดค้านอาจจะจำนวนน้อย แต่เป็นการค้านแบบสร้างสรรค์ นำเสนอด้วยความหวังดีเหมือนพระ ชวนไปทำบุญ 1 องค์ กับ 10 คนที่ชวนไปปล้นท่านจะฟังใคร และสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้บอกประชาชนให้ชัดเจนคือหากเกิดความเสียหายขึ้นจะทำอย่างไร เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เคยได้รับความรับผิดชอบ บางคนก็หนีคดีไปต่างประเทศ ความคิดเห็นผมไม่ได้มีอคติใดๆกับคุณเศรษฐาและรัฐบาล แต่ผมเตือนด้วยความหวังดีอย่างชัดเจนคือความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ซึ่งอดีตนายกฯก็ต้องหนีไปต่างประเทศ รัฐมนตรีก็ติดคุก ข้าราชการที่ร่วมก็ติดคุก บทเรียนตรงนี้เป็นบทเรียนที่ต้องคิดให้ดี และโครงการนี้พรรคเพื่อไทย หวังผลการเลือกตั้งแน่นอน โดยเฉพาะเด็กอายุ 16 ที่จะมีสิทธิ์ได้เลือกตั้งในอนาคต”นายสมชาย กล่าว