วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS"พิสิฐ" บอกเสียดายเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่อยากเชื่อขุดเอาอนาคตมาเสี่ยงอย่างนี้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิสิฐ” บอกเสียดายเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่อยากเชื่อขุดเอาอนาคตมาเสี่ยงอย่างนี้

“พิสิฐ” บอกเสียดายเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ นำไปสร้างรถไฟความเร็วสูงอยู่ได้เป็น 100 ปี ชี้ช่วยแค่คนจนก่อนพอรับได้ เตือนรัฐบาลอย่าริอ่านใช้เงินออมสินเด็กมาผลาญ ไม่อยากเชื่อขุดเอาอนาคตมาเสี่ยงอย่างนี้

วันที่ 18 ต.ค.2566 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นต่อนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล ว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ตนพยายามละเว้นจะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่ในเมื่อรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่า รู้สึกเสียดายเงิน 5.6 แสนล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวหากนำมาแจกคนยากจน ประมาณ 10 ล้านคน เป็นจำนวน 1 แสนล้านบาท ยังพอรับได้ แต่หากนำมาแจกให้พวกเศรษฐี ชนชั้นกลางด้วย ซึ่งใช้เงินไม่กี่วันก็หมด ตนมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยใช่เหตุ เรานำเงินจำนวนนี้ไปทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ด้วยเงินเพียง 4 แสนกว่าล้านบาท จะสามารถอยู่ได้เป็น 10ปี และ 100 ปี เทียบกับที่เราเอามาใช้หมดเปลืองในเวลาเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุผลว่าได้หาเสียงไว้แล้ว

นายพิสิฐ กล่าวต่อว่าว่า ตนเห็นด้วยกับนักวิชาการที่ออกมาคัดค้าน อีกทั้งเงินดิจิทัลฯ ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกทำ จึงถูกจับตามองอย่างเป็นข้อกังขาว่าเหตุใดรัฐบาลมาแตะต้องเรื่องนี้ รวมถึงกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ระบุไว้ชัดว่า การพิมพ์ธนบัตรและออกเงินตราเป็นหน้าที่ของ ธปท. จริงอยู่ที่กฎหมายอนุญาตว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เชื่อว่า ตำแหน่งดังกล่าวก็ใช่ว่ามีความรู้ก็มาเซ็นอนุมัติ แต่ต้องมีเหตุผล เพราะหากมีการพิมพ์ธนบัตรดิจิทัลปลอมขึ้นมา ใครจะติดตามรับผิดชอบ เพราะยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำไมจึงใช้ช่องว่างของกฎหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังดำเนินการได้

นายพิสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับการชดเชยการขาดดุลก็ยังไม่ชัดเจน แต่เท่าที่ฟังจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังชี้แจง เห็นว่าจะนำมาจากงบประมาณที่รัฐเก็บได้สูงเกินเป้าหมาย แต่ความจริงเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินคงคลัง ซึ่งวิธีดังกล่าวจึงเป็นการเบียดบังเงินคงคลังโดยใช่เหตุ หากจะนำเงินของธนาคารออมสินมาใช้ เงินดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นของนักเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กออมเงิน แปลว่ารัฐบาลนี้ทำตัวอย่างที่ไม่ดี คือนำเงินมาแจกให้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องย้อนแย้งกัน

“ธนาคารออมสินก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6 และมีคำว่า ‘ออม’ อยู่ในชื่อ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ริอ่านจะนำเงินนี้มาผลาญเล่น ซึ่งจะกลายเป็นหนี้สาธารณะ ที่อนาคตเราก็ต้องมาเก็บภาษีคืนให้ ซึ่งก็ไม่ถูกต้อง ไม่เชื่อว่างบประมาณของนโยบายดังกล่าวจะนำมาจากงบประมาณปี 2567 เพราะต้องใช้เป็นรายจ่าย หากเอาเงินนอกงบประมาณมาใช้ผลาญเล่นก็จะเกิดผลกระทบกับระบบการเงิน จึงไม่อยากเชื่อว่าจะนำอนาคตมาเสี่ยงอย่างที่หลายคนเตือน และทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ก็ตั้งแท่นศึกษาแล้วว่า จะเป็นการทุจริตครั้งใหญ่หรือไม่ ส่วนกรณีหุ้นตกนั้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกของนักลงทุน ว่าไม่มั่นใจกับโครงการนี้”นายพิสิฐ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img