นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์อิสราเอลมีแนวโน้มขยายวงกว้าง ย้ำรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยเต็มที่ ยืนยันความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 เวลา 09.35 น. ณ บริเวณหน้าสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสถานการณ์สงครามในอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างไม่ใช่แค่ระหว่างคู่ขัดแย้งสองฝ่าย แต่อาจขยายไปถึงระดับภูมิภาค เนื่องจากมีการนำสงครามไซเบอร์และการใช้โดรนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้รัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าจะมีการขยายวงสงครามไปยังประเทศที่อยู่ใกล้เคียงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศจอร์แดนและประเทศเลบานอนซึ่งมีประเทศต่าง ๆ เริ่มเข้าไปพูดคุยกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในสองประเทศนี้ถึงการพิจารณาเรื่องการอพยพ ทั้งนี้รัฐบาลจะทำการประเมินว่าต้องมีการแจ้งให้ทราบถึงปัญหาที่จะลุกลามไปในระดับภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ส่วนแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศใกล้เคียงนั้นต้องมีการพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ส่วนแรงงานที่อยู่ในอิสราเอลที่แจ้งเจตจำนงจะเดินทางกลับใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งเที่ยวบินของวันนี้มีที่ว่างกว่า 100 ที่นั่ง โดยเรายังต้องมีการพูดคุยอย่างต่อเนื่องกับแรงงานที่ยังอาศัยอยู่ว่าสงครามมีแนวโน้มจะรุนแรงเพิ่มขึ้นและขยายวงกว้าง หากแรงงานมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับภารกิจของรัฐบาลก็ยังคงต้องดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่ายังมีแรงงานจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้องซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ แต่รัฐบาลต้องพยายามค้นหาและแจ้งให้ทราบถึงความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อให้เขาตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาถึงแม้จะเดินทางไปอย่างถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง รัฐบาลยินดีที่จะนำเขากลับประเทศ ส่วนแรงงานที่ยังไม่ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับ รัฐบาลจะสื่อสารไปยังแรงงานให้ทราบถึงความรุนแรงของสถานการณ์เอง โดยจะมีการพูดคุยกับทางกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานเพื่อที่จะหารายชื่อ ถ้ามีทางที่จะติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ได้ รัฐบาลก็จะติดต่อไปโดยตรง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องตัวประกันว่า รัฐบาลมีการทำงานอย่างเต็มที่ซึ่งจะมีการพูดคุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่เพิ่งเดินทางกลับมา และยังได้รับรายงานจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทุกหน่วยงานช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ได้ขอให้ทุกหน่วยงานมีการ synchronize ข้อมูลเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยขณะนี้มีแนวโน้มไปในทางที่ดีแต่ยังต้องคอยติดตามว่าจะมีข่าวดีตอนไหน นอกจากนั้นรัฐบาลจะทำการพูดคุยกับทุกหน่วยงานเพื่อเตรียมแผนรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดในอนาคตและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของพลังงาน รัฐบาลยืนยันว่าความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด