“ผบ.ตร.” ออกโรงแจง เอ่ย “ขอโทษข้อผิดพลาดของตร.” ไม่ได้ “ขอโทษม็อบ” ที่ทำผิดกฎหมาย เผยใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยางตามความจำเป็น แม้ถูกสื่อฟ้องก็เป็นสิทธิ์ พร้อมรับมือม็อบวันนี้ที่แยกราชประสงค์
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความพร้อมในการรับมือผู้ชุมนุมในวันนี้ที่บริเวณแยกราชประสงค์ว่า มีความพร้อม โดยได้ไปพูดคุยกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มา และชี้แจงให้ฟังว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งมีมาตรการตามสมควร คิดว่าคงพร้อม ไม่มีอะไร ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆ ซึ่งจริงๆ ก็มีหลักปฏิบัติประจำอยู่แล้วในเรื่องการใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน จะใช้ตามกฎกติกา ข้อกฎหมาย ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ขวัญกำลังใจ เป็นเรื่องการคุยกันปกติ ส่วนวันนี้หวังว่าจะไม่มีอะไร แต่เราก็ต้องพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาก็พร้อมรับมือ
ส่วนกรณีที่กลุ่มวีโว่จะเข้าร่วมชุมนุมด้วยนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ความพร้อมมีอยู่แล้ว ถ้าจะฝากเรื่องความรุนแรง ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น ถามต่อว่า ทางผบ.ตร.ได้มีการประกาศขอโทษ เป็นการขอโทษผู้ชุมนุมหรือประชาชน พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า “ที่พูด…ถ้าไปฟังของผมมีเทปอยู่แล้ว ผมบอกว่า อะไรที่ตำรวจผิดพลาดไป ก็ขอโทษ เราพูดถึงความผิดพลาด เช่นว่าสมมติไปโดนกระสุนเข้าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ก็ขอโทษเรื่องนั้น แต่ไม่ได้ไปขอโทษม็อบที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ไปขอโทษคนที่ใช้ความรุนแรง พวกนั้นเราก็ต้องใช้กำลังบังคับ ใช้การบังคับใช้กฎหมายก็จับกุมไปคราวที่แล้วก็จับไป 20 คน ซึ่งผมบอกแล้วว่า ความรุนแรงเราไม่อยากให้มันเกิด พอถึงเวลาเกิดมาก็ควบคุมยาก ในสถานการณ์แบบนั้นทุกคนก็เกิดความผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครอยากจะให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรือไม่เกี่ยวข้องต้องมารับผลของการกระทำ ตำรวจเองไม่ใช่คู่กรณี เราก็ทำให้กฎหมายตามความจำเป็น”
เมื่อถามต่อถึงยุทธวิธีว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คงต้องไปตามมาตรฐานของเรา อย่างคราวที่แล้ว วันก่อนได้นำตำรวจเข้าสนามตรวจสอบเรื่องการใช้อาวุธ เรื่องการยิงปืน ก็ต้องการความแม่น เที่ยงตรงให้มากกว่านี้ ถามต่อว่า มีกลุ่มคนเบื้องหลังหรือไม่ ที่พยายามที่จะส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ตอนนี้เราก็มีการดำเนินคดีมาโดยตลอด ใครที่ทำแบบนั้น มีการสืบสวนเชิงลึกและดำเนินคดี บางครั้งเราไม่ได้บอกว่าจะดำเนินคดีใครบ้าง แต่ก็จะเห็นว่ามีการจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง กว่าจะจับได้ก็ต้องมีฐานการข่าว มีการสืบสวนสอบสวนเป็นระยะๆ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็อยากจับใครก็ไปจับไม่ใช่อย่างนั้น จะเห็นว่าเราก็ทำมาโดยตลอดและทำอย่างต่อเนื่องต่อไป คนที่ได้กระทำผิดไปแล้วไม่ใช่ว่าจบแค่นั้น ฝากประชาชนให้ติดตามข่าวสารให้รอบด้าน เรื่องการใช้ความรุนแรงต้องขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีประโยชน์กับใคร โดยเฉพาะสังคมส่วนรวมไม่ได้อะไรเลย ส่วนม็อบในครั้งนี้แล้วแต่ยุทธวิธีของผู้จัด แต่วันนี้เท่าที่ฟังมีแกนนำ ซึ่งโดยปกติพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว พื้นที่เฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว ส่วนบริเวณแยกราชประสงค์ได้ประสานกับศูนย์การค้าถึงแม้จะเป็นพื้นที่เอกชน แต่ก็เป็นพื้นที่ที่ประชาชนมาใช้ ก็มีมาตรการร่วมกัน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับให้ดูแลเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้ตำรวจทำความเข้าใจ ให้ชี้แจงสิ่งที่ได้ทำลงไป และเป็นข้อห่วงใยของเรา อยากให้ประชาชนเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เราไม่ได้เป็นคนที่ก่อให้เกิดความรุนแรง เรามีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตามความจำเป็นตามเหตุผล และขอร้องว่าไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรจริงๆ ทำมาก็มีแต่ความเสียหายด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ได้อะไร
เมื่อถามว่า การที่ตำรวจจะเข้ากระชับพื้นที่ต้องเกิดความรุนแรงในลักษณะไหน จะต้องรื้อสิ่งกีดขวาง ใช้อาวุธหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คิดง่ายๆ แบบสามัญชน สมมติว่าถ้าการชุมนุมอยู่หลังเครื่องกีดขวางอยู่ตรงนั้น และไม่ได้ทำอะไร ท่านก็ชุมนุมทำกิจกรรมไป หากถามว่าผิดกฎหมายไหม ก็ต้องบอกว่าผิด แต่ถ้าเราจะต้องใช้กำลังเข้าทำอะไรสักอย่างหนึ่ง จะต้องดูว่าทำแล้วจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ถ้าไม่สงบไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็อาจจะดำเนินคดีในภายหลังได้ แต่หากรื้อเครื่องกีดขวาง ถามว่ารื้อมาแล้วเจอใคร ก็เจอเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาพอรื้อก็เจอเจ้าหน้าที่ แล้วอย่างไรต่อ เริ่มมีหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ลูกหิน เราก็ต้องใช้กำลังเข้าทำการจับกุม เราปล่อยไม่ได้ หรืออยู่ใกล้พื้นที่สำคัญ ซึ่งได้มีการประกาศห้ามแล้ว ผู้ชุมนุมตนก็เชื่อไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคน แต่คนที่ทำก็มี ก็ต้องยอมรับว่ามี
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า วันนี้ก็ต้องดูว่า หากอยู่ในพื้นที่ที่ดูแล้วยังไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่น ยังไม่เป็นอันตรายกับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ต้องทำความเข้าใจว่า คุณกำลังทำผิดกฎหมายอยู่ ต้องมีประกาศ มีขั้นตอนเตือนของเรา แต่จะใช้กำลังก็ต่อเมื่อเขาเริ่มเป็นอันตราย โดยปกติทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็น “ผบ.เหตุการณ์” ต้องย้ำอีกครั้งว่าพื้นที่สำคัญ บริเวณโดยรอบทางเจ้าหน้าที่มีมาตรการในการดูแล ต้องมีเครื่องกีดขวางตามสภาพความจำเป็น ยืนยันไม่ได้ว่าจะไม่มีน้ำหรือแก๊ส แต่เจ้าหน้าที่จะใช้ตามสถานการณ์ ก็พยายามทำให้ทุกครั้งเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด ทุกครั้งก็จะมีการทบทวนบทเรียน เรื่องยุทธวิธี เรื่องต่างๆ ที่จำเป็น เพราะเราต้องพัฒนาคนของเราหากอะไรผิดก็ต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าไปขอโทษม็อบหรือไปขอโทษคนที่ทำผิด ไม่ใช่อย่างนั้น พวกที่ตั้งประเด็นไปอย่างนั้นก็สุดแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทำให้คนเข้าใจผิด เป็นการด้อยค่า ทำลายความเชื่อถือของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็ไม่ค่อยเห็นด้วย ก็เลยต้องมาอธิบายกันใหม่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีการยื่นต่อศาลฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ ผบ.ตร. ว่า ก็เป็นสิทธิของท่าน เราก็มีหน้าที่ต้องนำชี้แจง เสนอข้อเท็จจริง ก็อยู่ที่กระบวนการพิจารณาของศาล ทั้งนี้ไม่กังวลอะไรก็ต้องยึดหลักของเรา เราทำงานก็ต้องอยู่ในหลักในกติกา ถ้าเราอยู่ในหลักในกติกาเราสามารถตอบได้ทุกเรื่อง