“เรืองไกร” ร้องศาลรธน. วินิจฉัย “นายกฯ” แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่แจงรายได้ ชี้ขัดรธน.ม. 162
วันที่ 8 พ.ย. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง แถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่ชี้แจงที่มาของรายได้นั้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 และใช้บังคับมิได้ตามมาตรา 5 สืบเนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินส่งหนังสือลงวันที่ 27 ต.ค. 2566 มาถึงว่า ตนเป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรงและได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพนั้น ก็มีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้
นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่นายกฯเศรษฐา แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่ชี้แจงที่มาของรายได้นั้น ตนเห็นว่า การกระทำดังกล่าว ทำให้ตนเสียสิทธิที่จะได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารเกี่ยวกับที่มาของรายได้ดังกล่าว ทั้งนี้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 41 (1) บัญญัติไว้
นายเรืองไกรกล่าวว่า ดังนั้น ในวันนี้ตนจึงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ไปยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย 3 ข้อ ดังนี้ 1. การแถลงนโยบายของนายกฯเศรษฐาฯ ต่อรัฐสภา ที่มิได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายนั้น เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162
2. การแถลงนโยบายดังกล่าว ทำให้ตนถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรงและได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 41(1)
3. การแถลงนโยบายดังกล่าว เป้นอันใช้บังคับมิได้ ได้ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรคหนึ่ง
นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า ตนจึงใช้สิทธิตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ช่องมาให้แล้วในวันนี้ ดังนั้น ก็ต้องรอดูการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำขอทั้ง 3 ข้อ ของตนต่อไปว่า ศาลจะพิจารณาวินิจฉัยออกมาอย่างไร รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำร้อง เลขรับที่ 314 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญรับไว้แล้ว