เข้าทาง! “โรม” ขยี้ซ้ำ “เศรษฐา” หลุดปาก “ตั๋วเพื่อไทย” กลางวงสส. วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง “ผู้กำกับ” ชี้ชัดผิด 3กระทงใหญ่ เล็งรวบรวมข้อมูลฟันเอาผิด
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.66 เมื่อเวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในที่ประชุมสส.พรรคเพื่อไทย วานนี้ (21พ.ย.) ถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างตำรวจ และนายอำเภอ วันที่ 28 พ.ย.นี้ ตอนหนึ่งระบุถึง “ผู้กำกับใหม่ คงจะมีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกว่าเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง” ว่า ตนขอให้คำว่า “ตั๋ว” ที่ยังชัดเจนว่า วันนี้ยังมีอยู่ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยปกติแล้ว “ระบบตั๋ว” มักไม่มีหลักฐานที่เป็นใบเสร็จเพื่อที่จะนำไปยืนยันชัดเจน เพราะใช้วิธีโทรฝากกัน โชคดีหน่อยก็อาจมีการอัดเสียง แต่คนที่เป็นระดับนายกฯ พูดประโยคแบบนี้ ท่ามกลางที่ประชุมสส. แล้วมันทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่ามีสส.พรรคเพื่อไทยมาขอนายกฯ ตนขอเดาว่า คงพูดว่าฝากคนนี้ในพื้นที่นี้ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ผิดกฎหมายแน่นอน มันสะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ เส้นสาย ระบบตั๋วที่ไม่เคยหมดไป ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ทั้งๆ ที่นายเศรษฐาตอนหาเสียงก็บอกว่า ไม่ยอมรับระบบเส้นสายพวกนี้ จะจัดการปัญหา แต่สุดท้ายวันนี้พูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ว่ามีผู้กำกับอาจผิดหวัง ไม่สมหวัง บางคนอาจสมหวัง ซึ่งฟังได้ว่ามีสส.ฝากมา สิ่งเหล่านี้เลวร้าย ทำลายน้ำใจของตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ต่อให้ทำผลงานดีแค่ไหนถ้าไม่มีเส้นสายสุดท้ายก็ไม่สามารถเติบโตได้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในแง่ของกฎหมาย มันมีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายคือ 1.รัฐธรรมนูญ มาตรา185 เกี่ยวกับการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ 2.ตามพ.ร.บ.ตำรวจฯ นายกฯมีอำนาจเฉพาะเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อพิจารณาในที่ประชุมก.ตร.เท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจลึกลงไปถึงการแต่งตั้งตำรวจในระดับผู้กำกับ และ 3.อาจยังเข้าข่ายผิดจริยธรรมนักการเมืองอีกด้วย ส่วนที่นายกฯอ้างว่าเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เต็มที่ ก็อาจหารือกับผบ.ตร.เกี่ยวกับนโยบายยาเสพติด หรืออาจฟังเสียงสะท้อนจากสส. แต่การไปลงรายละเอียดเรื่องตัวบุคคล มันชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วมันคือ “ตั๋วเพื่อไทย” ปัญหาความร้ายแรงนี้ ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเพียงอย่างเดียว แต่พลเรือนอื่นๆ จะต้องมีระบบตั๋วหรือไม่ วันนี้ประเทศไทยอยู่ที่เดิม ระบบอุปถัมภ์แบบเดิมไม่ไปไหน ตนกังวลว่ามันจะไปไกลถึงขนาดซื้อขายตำแหน่งกัน
“จากการฟังคำพูดของนายกฯ ฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นคำสัญญาที่นายตำรวจพูดกับผม ตอนที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีตั๋ว แต่สิ่งที่นายกฯพูดนั้นชัดเจน ไม่ต้องบิดเป็นคำพูดอื่น เพราะชัดเจนว่า นายเศรษฐา เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายจริง บางคนอาจถามว่า มีหลักฐานเพื่อเอาผิดนายกฯ ผมขอบอกว่า การฝากแต่งตั้งนายตำรวจ ไม่สามารถหาเอกสารทางราชการได้ เพราะใช้การสนทนาทางโทรศัพท์ ต่อสายเพื่อฝากได้ ดังนั้น คำพูดของนายกฯที่ผมเชื่อว่า เป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุด ชัดเจนว่าจะฟังได้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในขณะนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าการพูดของนายกฯ ไม่ได้มีเจตนา แต่เป็นการพูดดักทางไว้ก่อน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้น เพราะท่าทีของนายกฯ ไม่ต้องการห้ามปราม และจากที่ตนฟังคำพูดของนายกฯหลายรอบว่า มีการขอมาเยอะ ชัดเจนอย่างยิ่งว่า คือการขอมาโดยสส.เพื่อไทย เพราะพูดต่อที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า ต้องมีตั๋วเพื่อไทยหรือไม่ เพื่อได้เป็นตำรวจในระดับที่สูงขึ้น ได้ตำแหน่งการงานที่ดีขึ้น
“ผมฟังคำชี้แจงของนายกฯ ที่อธิบายในวันที่ 22 พ.ย.แล้ว แต่ไม่ได้ตอบตรงประเด็น และผมฟังแล้วเหมือนกับเป็นนายกฯ คนละคน เพราะหักล้างในสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 21 พ.ย. ทั้งนี้ความจริงของนายกฯ ชัดเจนว่ามีเรื่องตั๋วจริงและนายกฯเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งผมมองว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้นทำลายศรัทธาของระบบราชการ และไม่คิดว่าจะเป็นการพูดที่ปกติหรือเป็นธรรมชาติ” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเพื่อยื่นเอาผิดทางกฎหมายใดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบด้วย เบื้องต้นพบว่าคำพูดของนายกฯ นั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรม, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ซึ่งขณะนี้พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วน ช่วยตรวจสอบและพยายามให้ นาตาชาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำข้อมูลความจริงเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯคนเดียว เพราะนายกฯพูดเองว่าขอเยอะ ดังนั้นตามกระบวนการเชื่อว่ามี สส.เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำไปสู่ประเด็นที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย จะร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ อีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย.นี้ เพราะการตรวจสอบใดๆจะต้องเป็นเรื่องที่กมธ.พิจารณาร่วมกัน