“พริษฐ์” รับฟังเสียง “สมชาย” ชี้ระบุฐานความผิดทำได้ยาก เหตุหลักการต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง พร้อมเดินสายพูดคุย-ฟังคนเห็นต่าง ชี้เป็นนิมิตหมายดีหลายเสียง “เพื่อไทย’”หนุน “นิรโทษ” ปัดแกนนำพร้อมสละสิทธิ์ตาม “ธนาธร‘-ไม่พอใจ” คนชั้น 14’ ได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
วันที่ 30 พ.ย.2566 เวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สว. แสดงจุดยืนไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับที่พรรคก้าวไกลเสนอ เนื่องจากเนื้อหานิรโทษกรรมให้คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112ว่า เราก็ยินดีพูดคุยกับทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และรับฟังความเห็นของนายสมชาย แต่ขอชี้แจงว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ได้ระบุฐานความผิดอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับคดีที่เข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม เพียงกำหนดไว้ในเชิงหลักการว่าเป็นคดีที่มีมูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งทางการเมือง เพราะการระบุฐานความผิดอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในเชิงปฏิบัติ
“ยกตัวอย่าง การฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน อาจมีบางกรณีที่เป็นการฝ่าฝืนโดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง การจะระบุฐานความผิดที่เฉพาะเจาะจงคงเป็นเรื่องที่ยาก จึงใช้กลไกในการตั้งคณะกรรมการที่มีหลายภาคส่วนขึ้นมาพิจารณาเป็นรายกรณีไป ว่ากรณีใดที่เข้าข่ายมีมูลเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมือง” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ระบุ 3 ข้อยกเว้นที่ไม่เข้าข่ายการได้รับนิรโทษกรรม ตามข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย คดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมอย่างเกินขอบเขต โดยเจ้าหน้าที่รัฐ คดีที่สร้างความอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย และคดีที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113
เมื่อถามว่าคิดว่าจะได้รับเสียงโหวตจากรัฐสภาหรือ นายพริษฐ์ กล่าวว่า กรณีนี้จะต่างจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้เสียงโหวตจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา แต่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นการพิจารณาทีละสภา หากสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบทั้ง 3 วาระ ก็จะเป็นขั้นตอนของวุฒิสภาที่จะให้ความเห็นชอบหรือยับยั้งร่างกฎหมาย ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรก็มีสิทธิ์ยืนยันความเห็นได้ และอาจมีการพูดคุยกัน
“หวังว่าเราจะได้ใช้กลไกรัฐสภาในการหาข้อสรุป อันเป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย … ทั้งฝ่ายที่ปัจจุบันเห็นด้วย และฝ่ายที่อาจจะยังขัดข้อง เราพร้อมมากในการเดินสายพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อรับฟังความเห็นต่าง” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ ยังกล่าวในฐานะโฆษกพรรค ถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิด อันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยบางส่วนออกมาสนับสนุนด้วย ว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีขึ้น ที่เราเริ่มเห็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือพรรครัฐบาล ซึ่งมีความพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอที่พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของพรรคก้าวไกล และพร้อมที่จะพูดคุย เพื่อหาแนวทางในการที่พรรครัฐบาลจะมาสนับสนุน ยืนยันว่าร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นการเสนอ เพื่อเริ่มแนวทางการยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา หากพรรคการเมืองอื่นเห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลสามารถสนับสนุนได้ หรือหากยังมีประเด็นที่ยังเห็นต่างอยู่ ก็เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของพรรคตนเองมาประกบได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะก้าวหน้า จะไม่รับการรับนิรโทษกรรม จะมีแกนนำพรรคก้าวไกลคนอื่นสละสิทธิ์ร่วมด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวย้ำว่า ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับดังกล่าว ไม่ได้เป็นร่างกฎหมายที่ให้ประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นกฎหมายที่จะยุติความขัดแย้งทางการเมือง สำหรับข้อกังวลที่ว่าจะมีสมาชิกบางส่วนทั้งพรรคอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ที่อาจจะรับประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าว หรือมีคดีที่คาบเกี่ยวกับกฎหมาย เราได้เพิ่มมาตรา 1 เข้าไปในร่างกฎหมายดังกล่าว ที่เปิดช่องให้คนที่มีสิทธิ์ได้รับการนิรโทษกรรม สามารถถอนตัว หรือสละสิทธิ์ได้
เมื่อถามย้ำว่า การที่พรรคก้าวไกล ดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นเพราะไม่พอใจ เนื่องจากคนที่อยู่ชั้น 14 ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่พรรคก้าวไกลได้เสนอ เป็นหนึ่งใน 300 นโยบาย ซึ่งได้มีการเสนอก่อนจะมีเรื่องดังกล่าวเข้ามา ยืนยันว่า เจตนาในการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับนี้ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา และคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนทุกภาคส่วน
