‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ’ กางตัวเลขวิกฤตเศรษฐกิจสะเทือนใจ หนี้ครัวเรือนพุ่ง 90% จีดีพีโตเพียง 2% พร้อมชี้เป้าปี 2569 คือปีแห่งจุดเปลี่ยนประเทศ เชิญชวนวัยทำงานและผู้ใหญ่ใจดีร่วมใจไปเลือกตั้ง ดึงคนเก่งกอบกู้วิกฤตปากท้อง คืนความสุขที่จับต้องได้ให้ประชาชน
วันที่ 31 ธ.ค. 2568 ในโอกาส ส่งท้ายปีเก่า 2568 และต้อนรับปีใหม่ 2569 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนา ได้กล่าวอวยพรปีใหม่ว่า ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับบ้านเมืองของเรา เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เราต้องเจอกับสถานการณ์ความผันผวนของโลกที่เกิดขึ้นในทุกมิติ ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลง สงครามการสู้รบในหลายประทศ สงครามการค้าของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การขึ้นภาษีการส่งออกของสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำธุรกิจและการผลิตสินค้าและอุตสาหกรรมอันเนื่องมาจากเทคโนโลยี AI ปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีปัญหาภายในประเทศจาก เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จีดีพีที่ไม่เติบโตเพียงแค่ 2 % จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่หดหายไป คาดว่าปี 2568 จะได้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพียงประมาณ 33 ล้านคนจากเป้าหมาย 39 ล้านคน ภาระหนี้สินภาคประชาชนคือ หนี้ครัวเรือนสูงถึงประมาณ 90% ของ GDP หนี้ของรัฐบาลหรือหนี้สาธารณะสูงถึงประมาณ 66 % ของ GDP ทำให้เกิดขีดจำกัดด้านงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศ ภาวะย่ำแย่ของเศรษฐกิจรากหญ้าโดยเฉพาะ sme ต่อเนื่องมาจากสถานะการณ์โควิด ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ รวมทั้งปัญหาความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นทั้งหมดได้ก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศตลอดปี 2568 ซึ่งเราจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ในปี 2569 ให้ลุล่วงไปให้ได้
ปีใหม่ 2569 นี้ มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของประเทศ จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ นับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะนำไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็งได้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการกอบกู้วิกฤตทุกด้านให้ผ่านพ้นไปได้
“ผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ร่วมกันสร้างการเมือง ที่สะอาด บริสุทธิ์ ยุติธรรม เลือกคนดีและพรรคการเมืองที่ดี เข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน”
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2569 นี้ ผมขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก และบ้านเมืองของเราได้โปรดดลบันดาลให้พี่น้องประชาชนและครอบครัวทุกท่าน มีแต่ความสุขความเจริญ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้ได้ดังปรารถนาทุกประการ ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจกำลังกาย สุขภาพที่เข้มแข็ง เพื่อที่เราจะได้ร่วมมือกันฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจ ให้เราผ่านพ้นไปได้ด้วยดีในปีใหม่ 2569 นี้



















