’’เทพไท’’ ซัดกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ยกเคสตัวเองกับ “เบนซ์ เรชชิ่ง” กฎระเบียบเดียวกันหรือไม่
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอความชัดเจน เรื่องการพักโทษ “ทักษิณ” ของกรมราชทัณฑ์
ผมเห็นข่าวที่กรมราชทัณฑ์ ออกมาชี้แจงเรื่อง น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าข่ายได้รับการพักโทษพิเศษแล้ว ทำให้รู้สึกสับสนในกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ว่า ระหว่างคุณทักษิณกับผมได้ใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือไม่ หลักเกณฑ์ในการพักโทษเหมือนกันหรือไม่
สำหรับผมเคยยื่นขอการพักโทษตั้งแต่ถูกคุมขังได้ 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา แต่ได้รับการชี้แจงว่า ประกาศของกรมราชทัณฑ์ฉบับดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว จะขอใช้สิทธิ์การถูกคุมขังครึ่งหนึ่งของโทษทั้งหมด ก็ไม่มีระเบียบของกรมราชทัณฑ์รองรับ จึงมาใช้สิทธิ์เงื่อนไขถูกคุมขัง 2 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา จึงได้รับสิทธิ์การพักโทษ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66
แต่เมื่อพิจารณาตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 52 (7) ที่ระบุว่า พักการลงโทษเมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า หรือไม่น้อยกว่าสิบปี ในกรณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ที่มีการเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกมีกำหนดเวลา และกำหนดระยะเวลา ที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้กำหนดเท่ากับกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ ทั้งนี้ ในการคำนวณระยะเวลาการพักการลงโทษ ถ้ามีวันลดวันต้องโทษจำคุกตาม (6) ให้นำมารวมกับระยะเวลาในการพักการลงโทษด้วยโดยในการพักการลงโทษ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ
ถ้าหากนำ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมาใช้กับคุณทักษิณนั้น ทำให้ผมแปลกใจว่า ทำไมผมไม่ได้รับการพิจารณาตาม พรบ.ฉบับนี้ด้วย ถ้าหากว่าผมได้ใช้ พรบ.กรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาบังคับใช้ ผมก็จะได้รับการพักโทษ ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.66 แล้ว
จึงอยากจะทวงถามความชัดเจนว่า การพักโทษ ระหว่างผมกับคุณทักษิณ ได้ใช้กฎระเบียบเดียวกันหรือไม่ ถ้าหากใช้กฎหมายคนละฉบับ จึงอยากจะถามว่าด้วยเหตุผลใด และกรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่ อย่าให้เกิดความผิดพลาดเหมีอนกรณีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อีกเลย ซึ่งจะสร้างความเสียหาย ประชาชนขาดความเชื่อถือต่อกรมราชทัณฑ์ และผู้รับผิดชอบอาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้