“สภาฯ” ถก กม.ประมง เดือด! “ชาดา” มือประสานครม.ขอกลับไปก่อนส่งมาสภาฯพิจารณา 22 ก.พ. เหตุกฤษฎีการับเกี่ยวกม.ระหว่างประเทศ
วันที่ 7 ก.พ.2567 เวลา 12.15 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ.2558 ที่มีสมาชิกเสนอจำนวน 7 ร่าง โดยที่ประชุมจะพิจารณาไปในคราวเดียว เนื่องจากมีเนื้อหาไปในทำนองเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงที่ได้รับความเสียหายและความเดือดร้อน อาทิ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ชี้แจงเหตุผลว่า จากผลกระทบที่ร้ายแรงต่อการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกขึ้นบัญชีเป็นใบเหลืองของสหภาพยุโรปหรืออียู หรืออาจจะถูกปรับขึ้นเป็นใบแดง จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขพ.ร.ก.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบอาชีพประมงโดยสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม และส่งเสริมการทำประมงให้มีประสิทธิภาพ ทั้งที่ที่ผ่านมาครั้งหนึ่งเราเป็นประเทศที่สามารถจับสัตว์น้ำส่งขายเป็นอันดับต้นๆของโลก อยู่ที่1ที่2มาโดยตลอด แต่หลังจากปี 58 เป็นต้นมา ทำให้อาชีพชีพประมงถูกกฎหมาย แชะมีการออกเป็นพ.ร.ก.กดดัน จนทำให้จากเป็นผู้ส่งออก ต้องเป็นผู้นำเข้าในขณะนี้ ทำให่้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องชาวประมงทั้งประเทศ
ขณะที่ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงเหตุผลว่า ที่ผ่านมาชาวประมงต้องประสบปัญหาในการประกอบอาชีพ ทั้งที่การประมงของไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจเพราะทำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลในแต่ละปี แต่ชีวิตพี่น้องชาวประมงไทยสวนทางกับรายได้ มีคุณภาพชีวิตย่ำแย่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐอย่างที่ควรจะเป็นและยังถูกซ้ำเติมด้วยการออกกฎหมายระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ทำให้อาชีพประมงไทยได้แต่รอวันสูญพันธุ์ ปัจจุบันกฎหมายว่าด้วยประมงที่บังคับใช้อยู่ มีหลายเรื่องที่จำกัดสิทธิ์ในการทำประมง ทั้งจำกัดอาณาบริเวณการทำประมงพื้นบ้านให้อยู่เฉพาะในเขตทะเลชายฝั่ง การกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ขอรับใบอนุญาตที่ไม่เอื้อต่อการทำประมง การจำกัดเครื่องมือในการทำประมงในเวลากลางคืน การมีคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดกำหนดสัดส่วนให้ผู้ดำรงตำแหน่งอย่างไมาสมดุลเหมาะสม การกำหนดโทษมุ่งเฉพาะขนาดของเรือ ยิ่งเรือขนาดใหญ่ยิ่งมีความผิดรุนแรง ดังนั้นพ.ร.ก.การประมงที่บังคับใช้อยู่ถือว่าลิดรอนสิทธิเป็นอย่างมาก
หลังสมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวาง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง แจ้งต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลขอรับร่างพ.ร.บ.ประมง ทั้ง 7 ฉบับไปพิจารณาก่อนแต่ต้องไม่เกิน 60 วัน ทำให้ฝ่ายค้านไม่พอใจ ทั้งนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คัดค้าน เพราะทำให้ชาวประมงต้องรออีก 60 วัน โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า ชาวประมงรอกฎหมายฉบับนี้ แต่เพราะความเกียจคร้านของรัฐบาล ท่านคิดถึงหัวใจของชาวประมงหรือไม่ ตนมั่นใจถ้าเป็น ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เขาจะไม่อุ้ม เพราะเขาเข้าใจถึงหัวใจของชาวประมง เขาเขาใจว่าวันนี้ชาวประมงร้องไห้เป็นสายเลือด และชีวิตไม่ได้แขวนไว้บนเส้นด้าย แต่แขวนไว้บนเส้นอวน ฉะนั้น 60 วันตนไม่ให้อุ้ม เพราะท่านอุ้มชีวิตชาวประมงและพาเขาไปตายมาหลายชีวิตแล้ว หากรัฐบาลจะอุ้มต้องตอบชาวประมงให้ได้ เพราะความเกียจคร้านของรัฐบาลและความเกียจคร้านของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ใช้หรือไม่
ทำให้นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ชี้แจงว่า ทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขอนำร่างพ.ร.บ.ประมง ทั้ง 7 ร่างกลับไปพิจารณาก่อนตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 ข้อที่ 118 จากที่ได้ฟังผ่านการผู้อภิปรายและนำเสนอ ก็เห็นต้องตรงกันว่าเป็นร่างพ.ร.บ.ที่ต้องรีบดำเนินการ เพื่อให้บรรลุผลตามที่ทุกท่านมีความปรารถนาดีกับพี่น้องชาวประมงเฉกเช่นเดียวกับนายกฯ และ ครม.ก็คิดเฉกเช่นเดียวกันกับสมาชิกทุกท่านที่นำเสนอ ทั้งนี้ กฎหมายที่เราพิจารณากันอยู่แม้ว่าจะผ่านไปแล้ว และเข้าประชุมในชั้นกรรมาธิการฯ หากยังไม่ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนใหญ่ก็ไม่เร็วอย่างที่ท่านคิด โดยรัฐบาลที่แล้วก็มีการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ โดยกฎหมายเข้าไปก็ไม่ได้เร็วอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ฯ ของรัฐบาล ขณะนี้ได้เร่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาโดยเร่งด่วน ดังนั้นคณะรัฐมนตรีไม่ได้มีเจตนาประวิงเวลาหรือเกียจคร้านตามที่ท่านสมาชิกได้อภิปราย
อย่างไรก็ตามสส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ยังโต้เถียงกันไม่หยุด โดยฝ่ายค้านไม่ยอม แต่ฝ่ายรัฐบาลยอมให้ครม.นำร่างกลับไปพิจารณาก่อน จนกระทั้งเวลา 17.51 น.ทำให้นายพิเชษฐ์ ต้องสั่งพักการประชุม 10 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 18.08 น.ที่ประชุมกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง ขณะที่สมาชิกในห้องประชุมยังมีการโต้เถียงกัน ทำให้นายพิเชษฐ ประธานในที่ประชุมกล่าวว่า ขอให้ที่ประชุมเดินหน้าต่อดีกว่า ตนไม่ให้ใครประท้วงอีกแล้ว
จากนั้นนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี ในฐานะรมช.มหาดไทย กล่าวว่า ในความเป็นสส.การเสนอกฎหมายเป็นหน้าที่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็เสนอกฎหมายนี้เหมือนกัน ตนเพิ่งทราบวันนี้ และไม่เห็นด้วย เพราะสำนักงานกฤษฏีกาบอกว่ามี 2 ข้อในกฎหมายเกี่ยวพันกับต่างประเทศ ดังนั้นจะให้พิจารณา 60 วันช้าไป ครม.นำกลับไปพิจารณา 15 วัน ตนเข้าใจทุกคนมีความเป็นห่วง ตนมาในฐานะคนกลาง ทุกคนมีเหตุผลที่ถูกต้อง ไม่มีใครผิด ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะมีกฎหมายระหว่างประเทศ 15 วันคงไม่นานเกินรอ
ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอให้กลับมาพิจารณาในสภาในวันพุธที่ 21 ก.พ. ได้หรือไม่ เชื่อว่ารัฐบาลและกฤษฎีกาทำทัน ถ้า 15 วันรอเป็นสัปดาห์ จากนั้นนายชาดา กล่าวว่า มีขั้นตอนการส่งหนังสือ ขอ 15 วัน แต่นายณัฐวุฒิ ต่อรองว่าขอวันที่ 22 ก.พ.ในฐานะเราเป็นคนอุทัยธานีด้วยกัน ทำให้นายชาดา กล่าวว่า กล้าขอก็กล้าให้
จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน หารือว่า ถ้าเป็นร่างสส.ยื่นกันเอง ไม่มีร่างครม.จะอุ้มกันเองทุกร่าง เพราะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย ทำให้นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า การที่ครม.รับหลักการร่างพ.ร.บ.ที่สส.ไปพิจารณาภายใน 60 วันเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ไม่ได้หลบหลู่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตรากฎหมาย
ทำให้นายปกรณ์วุฒิ และนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ลงมติ เพราะเป็นคนเสนอ แต่ประธานในที่ประชุมกล่าวว่า เราผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว อย่าใช้อารมณ์ เพราะครม.จะนำกลับไปและนำมาพิจารณาในสภาฯในวันที่ 22 ก.พ.จากนั้นสั่งปิดประชุมเวลา 18.30