“สว.”รุมอัดกลุ่มป่วนรถขบวนเสด็จ อึดอัดกม.มีช่องโหว่เอาผิดกลุ่มทะลุวัง-คนอยู่เบื้องหลังไม่ได้ เตือนสังคมต้องใช้สติอย่าจุดกระแสขัดแย้ง จี้รัฐบาลเร่งหามาตรการป้องกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำอีก
เมื่อวันที่ 13 ก.พ.67 เวลา 09.00 น. ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาหารือถึงปัญหาต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ได้หารือถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มทะลุวังป่วนขบวนเสด็จ โดยนายอนุศักดิ์ คงมาลัย สว.หารือว่า ขอฝากไปยังนายกฯว่าในสถานการณ์ในปัจจุบันในการใช้สิทธิเสรีภาพต่างๆให้สอดคล้องกับกฎหมายอย่างไร ซึ่งรัฐบาลเคยต่อสู้เรื่องนี้มาเมื่อมีอำนาจแล้วจะบริหารสถานการณ์ทางสังคมปัจจุบันอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกระเทือนพสกนิกรคนไทยจำนวนมาก เพราะมีการใช้สิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มหนึ่งในลักษณะที่นำไปสู่การไม่อดทนของคนที่ไม่เห็นด้วยและนำไปสู่การโต้แย้ง และบาดหมางกัน เกินขอบเขต กระทำการไม่เหมาะสมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงฝากถามไปยังภาครัฐจะมีแนวทางดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ได้ติดตามกลุ่มที่แสดงออกเรื่องนี้อย่างไร และจะทำความเข้าใจ
ขณะที่นายมณเฑียร บุญตัน สว. ขอหารือว่า มีความไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำเกี่ยวกับขบวนเสด็จรัฐบาลต้องทำหน้าที่เชิงรุก เตือนสังคมไทยรับมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจนำไปเสี่ยงสู่ความขัดแย้งให้เกิดในลักษณะเป็นอารยะที่สุด แต่การดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ แต่ต้องระวังไม่ไปสร้างกระแสหรือเงื่อนไขให้เกิดการตอบโต้รุนแรงจากการยั่วยุของฝ่ายใด ประเทศไทยเคยมีบทเรียนเจ็บปวดจากเหตุการณ์ 6ตุลา 2519 ขอให้รัฐบาลระมัดระวังอย่างยิ่งยวด สร้างกลไกให้ประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองใช้กลไกแห่งสันติ ใช้สติหลักเหตุผลนำเสนอความคิดที่แตกต่าง จะต้องไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง อันอาจทำให้เกิดความเปราะบางนำไปสู่ความเสี่ยงที่ยิ่งยวด อาจนำมาสู่โศกนาฏกรรมให้เกิดแผลร้าวลึกในสังคมไทย ขอวิงวอนชาวไทยกลับมาอยู่ในสติ เราสามารถอยู่ร่วมกันพร้อมกับรับมือกับความไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมตามครรลองที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย และความเป็นอารยะชน
ขณะที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กระทำต่อขบวนเสด็จของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ กลุ่มบุคคลที่ทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีคนคอยหนุนหลัง รู้ข้อกฎหมายในการดำเนินการกับขบวนสมเด็จพระเทพฯ คนกล่าวหาตำรวจทำงานล่าช้า แต่ตำรวจทำงาน 24 ชั่วโมง แต่ไปติดขัดที่การขอหมายค้นทำไม่ได้ นางคนนี้ได้รับการแนะนำให้อยู่ในบ้าน ไม่ต้องไปไหน ตำรวจต้องมีหมายค้น เมื่อตำรวจไปขอหมายค้น แต่นางคนนี้มีหมายจับอยู่ จึงไม่ได้รับอนุมัติหมายค้นไปค้นบ้าน เพื่อจับกุม ไม่ตำหนิศาลอาญาธนบุรี แต่พูดในหลักการว่า ตำรวจไปขอแล้วแต่ไม่ได้ ยังมีกระบวนการติดขัดอยู่พอสมควร
“ฝากถึงนายกรัฐมนตรี รัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก การที่ตำรวจจะทำงานได้ต้องมีเครื่องมือ แต่กฎหมายที่มีอยู่ทั้งประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย มีช่องว่างหรือไม่ เพราะไอ้พวกนี้แสนรู้เลยเลี่ยง การเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่ได้ครอบคลุมถึงพระบรมราชวงศ์ หรือผู้ปฏิบัติราชการแทนพระองค์ จึงอยากให้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ตำรวจพยายามสอบว่า เข้าข่ายมาตรา 112หรือไม่ แต่นักกฎหมายหลายคนบอกว่า ไม่เข้า เพราะต้องเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ดังนั้นจะต้องมีเครื่องมือป้องกัน ปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก กฎหมายมีช่องโหว่ตรงไหนก็ต้องไปแก้ไข”พล.ต.ท.สานิตย์กล่าว